วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

การเลี้ยงปลาดุก ในบ่อดินตอนที่3-การให้อาหารปลาหลังปล่อย15วัน

ปล...หากล้วย มะกอ มะเดื่อชุมพร หญ้าหนาม มาปลูกๆกันไว้มั่ง

แต่อย่าปลูกฝึ้งแดดตอนเช้านะครับ
ไปปลูกบังแดด ในตอนบ่าย ดีกว่า แตอย่าปลูก ขอบบ่อ เดินตีปลายากมาก

หลังจากนี้ ลองดูระดับน้ำนะครับ หน้าร้อน ระวังน้ำร้อนจัด ถ้าจำเป็นต้องเติมน้ำ และทำได้ตรงปลายที่่ท่อน้ำออก เอาตาข่าย มากั้น วงๆไว้ รัศมีสัก สองเมตร แล้วที่ปลายสายยาง เอาเข่ง มาตั้ง เอาปลายสายยางใส่ไว้ ลดแรงกระแทกของน้ำครับ

จริงๆแล้ว อยากให้ใช้ปูนไดโลไมท์ เพราะ ph จะค่อยๆเปลี่ยน ถ้มันไม่่ี ก็คงปูนขาว ค่อยๆละลายย้ำ เทปนๆ ไป กับนเำนั่นลำ ที่ละน้อยๆๆๆๆๆๆๆ   ไม่ต้องเยอะ

เรื่องอาหาร
ถุงตอนนี้ คงต้องเริ่มมองหา ประหยัดอาหารกันบ้าง ในแต่ละท้องที่

ปลวก
เพาะหนอน จากขีีหมู ขี้ไก่
ต้มข้าวปลาย+มะละกอ+กล้วย+ปลาป่น(อาจได้กระสอบป่านป่นมาแทน)

เศสษปลาทู กากถั่วเหลือจากโรงงานวุ้นเส้น
เพาะไรแดง
รำอ่อน

คงไม่มีอะไรตายตัว อยู่ที่แตละทีองถิ่น จะมี ของไกล้ตัว
สมัยที่ลุงเลี้ยง มีเตรื่องบด เอาเครื่อง ยันม่า ฉุด  กระดูกไก่นี่ ใส่หายเลย

เอาส่วนผสมที่มีโปรตีนสูงๆ แต่กากใยก็ต้องมีนะ มาเคล้าๆกัน อัดออกมาเป็นท่อนๆ เอาตากแดด สักครึ่งแดด เกือบแห้ง เอาไปเลี้ยง

เอาปลายต้ม เป็นตัวประสาน ข้าวโพด รำปลาย ปลาทู โครงไก่กล้วย มะระกอ กากถึ่ีเหลือง สดๆ แหเงๆ เอาหมดเท่าที่หาได้

บางาีปลายหมด ก็สารเหนียว

ปรเเด็นสำคัญ ของวัยนี้คือ
ตตองใส่ส่วนผสมที่มีโปรตีนสูงหน่อย
รำอ่อน ปลาป่น ปลาทู อาจใช้กล้วยน้ำว้าเป้นต้วประสานแทน แร่ธาต ต่างๆ

แต่ว่า คนส่วนใหญ่ นึกถึงแต่อาหารสำเร็จรูป

มันจึง เริ่มต่างกันตรงนี้้ละ ต้นทุนการเลี้ยง

ให้อาหารทีมีโปรตีนสูง ไปจนครบหนึ่งเดือน

^_^

การเลี้ยงปลาดุก ในบ่อดิน ตอนที่2-การให้อาหารปลาวัยอ่อน

วันที่ 3 ตค 57

หลังจากเราปล่อยปลาแล้ว
ประมาณ สองวัน เอาเริ่มให้อาหารปลา
อาหารที่ดีคือ ไรแดง แต่มันหาไม่ได้ หรือใครสามารถเพาะเลื้ยงขึ้นมาก่อนปล่อยปลาได้ จะดีมาก

หรือใข่ต้มสุก ตีๆๆๆๆละเอียด สาดๆไป ก็ไม่ค่อยมีใครทำ

 ทางเลือกทีสองจึงไปตกอยู่กับ อาหารสำเร็จรูป ตามท้องตลาด
ก็เอาอาหารปลาวัยอ่อน สำหรับท่านที่ปล่อยปลาดุ้มปลาเซ็น มาแช่น้ำสักพัก ปั้นเป็นก้อนกลม เล็กๆ แล้วเอาไปโยนๆ-ว้ ตามชานๆบ่อ ให้ทั่วๆ ในเวลาเช้าๆ อากาศ ยังไม่ร้อน ลูกปลาจะมากินริมๆบ่อเอง

ถ้าปลานิ้ว ส่วนใหญ่กินอาหารเม็ด เล็กๆได้แล้ว

สว่นยาปฏชีวนะ ใช้ตรมสมควรครับ
ถ้ายาสัตว์ มีรูป ปลาด้วยมันแพง เพราะไม่มีการคุมราคา ก็ยาคนครับ ตัวเดียวกัน

อีรอโท หรือ อะม๊อกซี่ ก็ได้ ไปร้านขายยาบอกแบบนี้ละครับ เอากี่เม็ดก็ว่าไป ไม่จำเป็น ไม่ปล่วยก็อย่าไปใช้มัน

วิตามิน ของวัตว์มันก็แพง ของคนครับ เหมือนกัน ใช้ตามขนาดเลยครับ ปลาเด็ก เราก็ใช้ของเด็ก ปลาวัยรุ่นเราก็ใช้ของวัยนุ่น 555

เอามาผสมกับอาหารให้ลูกปลากินได้ครับ

อย่าให้เยอะ ช่วงนี้ระวังเรื่อน้ำเสียด้วยครับ ถ่ายน้ำไม่ได้

อาจมีกองขี้วัว หมู ไก่ กองเล็กๆไว้รอมๆสระ เอาให้จมน้ำครึ่งกอง แห้งครึ่งกอง

หรือ.................เพาหนอน แมงวัน เล็กๆ ให้ลูกปลากพิน หรือปลวก ก็ได้ครับ ดีมากเลย ถ้าหาและทำได้
หนทางประหยัดอาหารครับ

ให้อาหารวันละมื้อะดียวพอ ตอนเช้าๆครับ ตอนเย็นๆไม่ต้อง ให้เขาเก็บๆเศษๆเหลือๆกิน กับมูลวัว มูลไก่กินเอง


^_^

พอสักอาทิตย์ ค่อยๆเพิ่ม อาหาร มากขึ้น หรืออาจเป็นสองมื้อ โดยมือเย็น ให้น้อยหน่อย

ท่องไว้ครับ ถ่ายน้ำไม่ได้ หน้าร้อนดุระดับน้ำด้วยครับ ร้อนไหม อาจหาผักตบชวา มาช่วยเป็นร่มเงา
อย่าเยอะนะครับ ะดี๋ยวเอาออกไม่ไหว กับแย่งอากาศ ในตอนกลางคืน

^_^

สักครึ่งเดือน จะได้เห็นตัวปลามาว่ายไห้เราดูละครับ หัดให้กิน อาหารเม็ดลอยน้ำบ้างถ้าเห็นว่าพอกินได้

แต่น้ ยนะครับ เดี๋ยวท้องอืดตาย เพราะไม่เคยกิน

^_^

ขายหน่อกล้วยงาช้าง ทั้งหน่อขุด และเพาะเนื้อเยื่อ




ขายหน่อกล้วยงาช้าง
หน่อขุด  150 บาท

กำลังขยายพันธ์ครับ


 โทร 0918712395
อีเมล์
aromdee2012@gmail.com

3722252258
ไทยพาณิชย์ กฤติยาภรณ์ สภานุชาต ลูกสาวผมเองครับ"โทร 080989877

นางบาเล่ สภานุชาต
ไทพานิชย์ ตลาดไท
4052968127


ขายหน่อกล้วยหิน ทั้งขุดหน่อะเพาะเนื้อเยื่อ

 โทร  0918712395
อีเมล์
aromdee2012@gmail.com

3722252258
ไทยพาณิชย์ กฤติยาภรณ์ สภานุชาต ลูกสาวผมเองครับ"โทร 080989877

นางบาเล่ สภานุชาต
ไทพานิชย์ ตลาดไท
4052968127

นี้อยู่ระหว่างขยายพันธ์ครับ
ยังไงสอบถามได้


ขายหน่อกล้วยเล็บมือนางทั้งหน่อขุดและเพาะเนื้อเยื่อ

ปลีกหน่อละ 35-150บาท แล้วแต่ขนาดครับ

ว่าท่านต้องการขนาดไหน
เรืีงบริการส่ง สอบถามครับ

คนขายใจดี
คุณภาพรับประกัน จากสวนเกษตรอินทรัย์แ100%
ไม่ได้ปลูกทิ้งๆขว้างๆ มีการดูแล ตลอกทุกวัน

ปลอดโรคครับ อ้นนี้รับรอง
ของอยู่กำแพงเพชรครับ-ไำล้ๆโรงงานน้ำตาลนครเพชร เทพนคร อ เมือง จ กำแพงเพชร

โท 0918712395
อีเมล์
aromdee2012@gmail.com

3722252258
ไทยพาณิชย์ กฤติยาภรณ์ สภานุชาต
 ลูกสาวผมเองครับ"โทร 080989877

นางบาเล่ สภานุชาต
ไทพานิชย์ ตลาดไท
4052968127


มะขามป้อม -สมุนไพรที่มีวิตามินซีสูงที่สุด

มะขามป้อม สมุนไพรที่ไม่ควรมองข้าม

ผลมะขามป้อม มีวิตามินซีสูงมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก

ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี
ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน

 ผลแห้ง เก็บไว้ในที่เย็น เช่น ในตู้เย็น นาน 365 วัน
 จะเสียวิตามินซีไปร้อยละ 20 เท่านั้น

เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงสายตา บำรุงสมอง และประโยชน์อีกมากมายในด้านสมุนไพร
http://bit.ly/1q4fWxt





การเลี้ยงปลาดุก ในบ่อดิน(จากประสบการณ์จริงสิบปีของลุงแจ่ม)ตอน1

อันนี้ไม่ได้อิงกับวิชาการนะครับ ถือเป็นเรื่องเล่าจากชีวิต
ไม่อยากให้มันหายไปจากความทรงจำ เผื่อจะเป็นประโยชน์
กันคนรุ่นหลังที่คิดทำการเกษตร
คงไม่สามารถเขียนวันเดียวได้จบนะครับ ยาวมาก

วันนี้แค่นี้ละ หลอกให้เข้ามาอยากรู้ 55555



^_^

วันที่ 30กย57

เลี้ยงปลาก็ต้องมีบ่อปลา ถ้าได้ขนาด สองงาน ก็กำลังดี  เล็กนัก เสียเวลา ใหญ่นัก จัดการบริหารแบบพอเพียงลำบาก
ควรมีสัก สามบ่อ เพื่อเวลาจับจะได้มมที่ปล่อยปลายที่ยังเล็กไม่ได้ขนาด ปล่อยบ่อเดิม ตีแล้วตีอีก ปลามันช้ำ และตาย

ความลึกของบ่อ เอาให้เด็บน้ำลึกได้สักเมตรนึึง เหลือขอบบ่อสัก ห้าสิบเซ็น เวลาลมพัดยามเย็น ผิวน้ำกระเพื่อม มันคือการเติมออกซิเจนในน้ำนะ

ชานบ่ ลาดๆหน่อยก็ดี ปลาพวกนี้ ไซร้ริมบ่อ ทำสะพานมากลางบ่อซะ เวลาให้อาหาร จะได้ไม่ต้องออกแรงสาดเยอะ

ขุดบ่อใหม่ๆ ปูนขาวโรยๆ สาดๆ ทั้งฝุ่นๆนั่นละ ทั่วๆบ่อ ชานบ่อด้วย ขอบด้านบนด้วย เวลาฝนตตกน้ำไหลลงบ่อ ปลาจะได้ไม่ตาย

ขอบบ่อ ต้องสูงกว่าพื้นปกตินะ กันน้ำไหลลงบ่อ ปลาตาย ยกบ่อไม่รรุ้ด้วย

ขุดบ่อใหม่ สูบน้ำใส่ สัก 75 เซน แล้วทิ้งไว้ ระหว่างนั้นต ให้เอา ขี้วัว ใส่่กระสอบ มาโยนๆไว้ ใส่ครึ่งกระสอบพอ หลายๆลูก เพื่อทำน้ำเขียว เพาะอาหารลูกปลา

บางคนบอกต้องสูบน้ำออก อันนี้ก็แล้วแต พวกลุงขี้เกียจ เลยไม่ทำ

ระหว่างนี้น้ำมันจะยุบลงไป ก็หมั่นส้งเกตุสีน้ำ เขี้ยวไหม  มีลูกอ๊อด เกิดใหม จุมีสัตว์น้ำเล็กๆเกิด อาจต้องสูบน้ำเพิ่มให้เกิน 50เซน ตั้งเข้าใจวว่า ปล่อยกลาช่วงแรกเราสูบน้ภเข้าไม่ได้ ต้องให้ดินอิ่มน้ำ

ถ้าระดับน้ำเริ่มนิ่ง สีน้ำเขียวดีแบบธรรมชาติโรยปูนขาวอีกรอบ ละลายน้ำสาดๆ ให้ทั่วบ่อ  ขอบๆบ่อมีสัตว์น้ำเล็กไหม ถ้ามี เชื่อลุงเหอะ บ่อมันพร้อมรับลูกปลาแล้ว

ประเด็นนนคือ ทำน้ำไห้ได้สีเขียวที่ระดับน้ำเกิน50cm แต่ไม่เกิน75cm

เป้าหมายยต่อไป ต้องรู้ก่อนว่าปลาที่เราจะปล่อย ไซด์ไหน
ปลาตุ้ม สั่งกันเป็นแสน รอดแค่หมื่น
ปลาเซ็น  สั่งกัน สามสี่หมื่น รอดสักหมื่น
ปลานิ้ว แพง เผื่อตายสักสองพันจากหมื่นตัว

เพราะฉนั้น มืออาชีพจริงๆเขามีความชำนาญ เขาสั่งปลาตุ้มครับ ออกจากใข้ไม่กี่วัน
แบบนี้ลุ มีกำไร

ลูกปลายิ่งโต ราคามันก็สูงขึ้นไป

การเตรียมบ่อตรงนี้จึงแตกต่างกัน
ถ้าเอาปลาตุ้มปลาเซ็น ต้องนัดวันส่งลูกปลาให้แน่นอน หรื อยังไง ให้เรามีเวลา 48 ชม. ก่อนปล่อยปลาในตอนเย็น

เพราปลาตุ้มปลาเซ็น ต้องกำจัดสัตว์น้ำต่างๆในบ่อให้สิ้นซาก ทุกชนิิดก่อนปล่อย
ถ้าปลาจะมา ก่อนปล่อยสองวัน จัดการศัตรูของลูกปลา ด้วย ไซยาไนท์มีขายเป็นกิโล
 เอาใส่ถุงตาข่าย เดินลากไป ลากมาในน้ำ ให้ทั่วบ่อ บ้ำลากให้ทั่วๆ รับรองตายเกลี้ยงไม่เหลือ
เช้ามาเดินดู ถ้ามีซากสัตว์ตาย ตักออก จากนั้น รุ่งอีกวัน สาดๆด้วยฟอมารีีน เพื่อฆ่าเชื้อโรค ปรสิตต่างๆ
แล้วในวันที่ปลาจะมา ซึ่งควรจะเป็นตอนเย็นๆที่ปลามา  ช่วงเช้าวันปล่อย เอาเกลือละลายน้ำสากๆ อีกรอบ เพืีอเตรียมรักษาบาดแผล และความบอบช้ำจากการขนส่ง อย่าสาดตอนเยย้นก่อนปลามานะ เกลือต้องใช้ออกซิเจนในการละลาย การใช้เกลือทุกครั้งจึงควนเป็นตอนเช้า

ระดับน้ำควรเกิน 50cmนิดนึงเผื่อมันยุบ หลัง7 -15วันเราจะไม่สูบน้ำเข้าเลย ถ้าไม่ถึงทึ่สุดจริงๆ
ปลามาถึงเอาถุงลอยไว้สักครึ่งชั่วโมง ถ้ามาไกลมาก สักยี่สิบนาทีอก็ยังดี

ป้องกันปลา น็อกเรื่องอุณหภูมิน้ำที่ต่างกัน

ปล่อยตอนเย็นๆ มากๆเท่านั้น เวลาปล่อย เรายืนที่เดียว อย่าย่ำไปย่ำมา เดียวเหยียบลูกปลา

หรือปล่อยบนสะพานที่เราทำ ถ้ามี

ค่อยๆเปิดปากถุง ปล่อยน้ำไหลเข้าถุง แล้วดันก้นถุงสูงขึ้น ลูกปลาจะค่อยๆ ออกไปเอง ช้าๆ ใจเย็นๆ

ไม่ต้องให้อาหาร สองถึงสามวัน ปลาตุ้มนะ

จบเรื่องการเตรียมย่อ และปล่อยปลา

เอาค่าครูมาก่อน แล้วพอตอนต่อไป

^_^














วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำปุ๋ยยูเรียใช้เอง-จากถ้่วเหลือง

1 ถั่วเหลือง 1กก ที่ทำน้ำเต้หู้นั่นละ
2กากน้ำตาล 1 กก
3น้ำมะพร้าว 10ลิตร

ถ้่วเหลืองหมักรวมกับกากน้ำตาลและน้ำมะพร้าว หมักทิ้งไว้ 14 วัน

กรองเอาแต่น้ำ จะได้น้ำปุ๋ยหมักยูเรีย

วิธีใช้
สองช้อนแกงต่อน้ำเปล่ายี่สิบลิตร

หรือ1/1000

จะฉีดทางใบ
ลดโคนต้น
ทุกๆเจ็ดวันถึงสิบวัน



น้ำซาวข้าวแทนมะพร้าว
เพิ่มสับปะรดสองโล

จำเขามาแต่ทำใช้ตลอด

ทำแคลเซียม โบร่อนใช้เอง 1

ส่วนผสม  อย่าคิดมาก อ่านด้านล่างด้วย

น้ำ  PH 5.0                             20  ลิตร

15-0-0 จีเกรด                      1,200  กรัม

โบรอน(พืช)                            400  กรัม

ธาตุรอง/เสริม                          250  กรัม

ผสม แล้วคนๆๆๆๆๆๆๆ

อัตรา การใช้ อยู่ที่  20-30 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร

บางทีมันหาซื้อลำบาก แต่ไม่เกินความพยายามของชาวเน็ตหรอก
อย่าขี้เกึยจ ทำเถิดตกลิตรละไม่กี่สิบบาท

ขายตรงมันขายจะเป็นพัน

ถ้าเราขี้เกียจเมื่อไร ก็เป็นทาสเขาตลอดไป




การทำแอลกอฮอร์ 95%เป็น75%

แอลกอฮอ 75% ไม่มีขาย ครับ
ในแลปหรือร้านจำหน่าย จะมีขายแต่ แอลกอฮอ 95%

เราต้องเอามาผสมน้ำ ลดความเข้มข้น(ไดรูท)ลง ให้เหลือประมาณ 70 -75% ด้วยตัวเองครับ

วิธีก็คือ
ตวงแอกกอฮอชนิด 95%  700cc
 เติมน้ำ 200-250cc ก็จะได้
แอลก็ฮอ 70 -75 % ตามต้องการ ครับ


ครูภานุวัต สอนผมครับ

สูตรกำจัดหนอนแมลงศัตรูพืช-สมุนไพร

สูตรกำจัดหนอนแมลงศัตรูพืชของผู้เขียนที่ใช้บ่อยๆ มีดังนี้

1.ยาเส้นหั่นฝอย 1 กิโลกรัมต้มกับน้ำ 3 ลิตรให้เดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ

2.ใบสะเดาป่าสดๆ ที่หาได้แถวบ้านประมาณ 3 กิโลกรัมนำมาตำแล้วคั้นเอาน้ำขนาด 1 ลิตร

3.เหล้าขาว 1 ขวด

4.น้ำ 20 ลิตร

ผสมเข้าด้วยกันแล้วนำไปฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทุกๆ 3 วันหรือบ่อยกว่านั้นหากฝนตกชุก -_

ผมเซฟไว้ที่โน็ตเพจ  ผมจำ-ม่ได้เอามาจากไหนครับ ขอโทษจริงๆ ความดีทั้งหมดขอให้ท่านผู้เขียนนะครับ
โปรดอภัย

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

แชมพูมะกรูด และเจลอาบน้ำมะกรูด

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

จากที่เคย ลงโพสน์ไปครั้งหนึ่งแล้ว มีเพื่อนๆที่ทำใช้ ต่างบอกว่า ใช้แล้วดีจริงๆ เลยอยากนํา เสนออีก ครั้ง เผื่อว่าเพื่อนๆ บางท่าน อาจยังไม่ได้อ่านครับ........................... แชมพูมะกรูด และเจลอาบน้ำมะกรูด ....( ขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

"ขวดเดียวใช้ได้ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า สูตรนี้สระผมได้อย่างสะอาดและปลอดภัย ใช้ได้ทั้งครอบครัวทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่" "เมื่อใช้อาบน้ำช่วยให้สะอาด ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น มีกลิ่นหอมจากน้ำมันผิวมะกรูดทำให้รู้สึกสดชื่น ความเปรี้ยวจากมะกรูดช่วยขัดขี้ไคลตามผิวหนังออกได้อย่างหมดจด"

สมุนไพรที่ใช้คัดมาเพื่อให้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยและไม่เป็นอันตราย ไม่เกิดสารตกค้างและไม่ระคายเคืองต่อผิว คุณค่าจากสมุนไพรทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ มะกรูด รางจืด ย่านาง ผิวส้มโอ มีคุณประโยชน์ ดังนี้

ผลมะกรูด กำจัดรังแค บำรุงผมดก บำรุงหนังศรีษะและรากผมใช้เป็นยาสระผมหรืออาบน้ำช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง และรสเปรี้ยวของมะกรูดช่วยให้อาบสะอาด น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูดทำให้รู้สึกสดชื่น

ใบรางจืด ช่วยขับล้างสารเคมี สารพิษที่ตกค้างจากการใช้แชมพูที่มีสารเคมีติดต่อกันเป็นเวลานาน ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้แชมพูมีความข้นตามธรรมชาติ

ใบย่านาง ช่วยให้ศรีษะเย็น ผมดกดำหรือชะลอผมหงอกก่อนวัย เป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นช่วยรักษาผื่นปื้นแดงคันหนังศรีษะ หรือมีตุ่มใสคัน ช่วยถอนพิษและแก้อักเสบได้

ผิวส้มโอ ต้มน้ำอาบแก้คัน รักษาโรคผิวหนัง จำพวกลมพิษต้านเชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ลดการอักเสบ น้ำมันหอมระเหยช่วยให้มีกลิ่นหอมสดชื่น และรู้สึกผ่อนคลาย

เกลือสมุทร การอาบน้ำเกลือหรือสระผมด้วยเกลือ จะช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง ช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศรีษะได้ การอาบน้ำที่มีส่วนผสมของเกลือจะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างได้

สุดท้ายใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ สบู่เหลวไร้ด่าง สูตรไร้สีของทารกแรกเกิด

อัตราส่วนผสม

ผลมะกรูด 20 ผล

ใบย่านาง 100 ใบ

ใบรางจืด 70 ใบ (หาซื้อได้ ตามร้านจำหน่าย ต้นไม้ )

ผิวส้มโอ 1 ผล

เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ ( เกลือแกงทั่วไป)

น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

หมายเหตุ ใส่วัสถุดิบเท่าที่เราพอจะหาได้ ก็ได้ครับ แต่พยายามให้ครบจะดีที่สุด

สบู่เหลวไร้ด่าง 300 มิลลิลิตร (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ที่ใส่เพราะต้องการฟองเล็กน้อยช่วยให้ผมไม่พันกันและช่วยลดการเสียดสีของเส้นผมไม่ให้ผมขาดง่ายในขณะสระ)....... (สบู่เหลวไร้ด่าง เป็นสบู่ที่เด็กเล็กๆใช้อาบนํ้า มีขายทั่วไป ตามร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้า )

วิธีทำ

1. ล้างทำความสะอาดใบย่านาง ใบรางจืด ผลส้มโอ ผลมะกรูด

2. ผ่าครึ่งผลมะกรูดและแคะเมล็ดออกบ้างช่วยให้ปั่นได้ง่ายขึ้น

3. ปลอกเอาแต่ผิวส้มโอ 1 ผล

4. ใส่น้ำ 2 ถ้วยตวงลงในหม้อต้มให้เดือด

5. เมื่อน้ำเดือดนำส่วนผสมทุกอย่างได้แก่ มะกรูด ใบย่านาง ใบรางจืด ผิวส้มโอ และเกลือลงต้มให้เดือดยกหม้อลงพักไว้ให้เย็น

6. เมื่อส่วนผสมเย็นแล้วนำไปปั่นให้ละเอียดและใช้ผ้าขาวบางกรองกากออกทิ้ง

7. นำน้ำแชมพู/ครีมอาบน้ำ ที่ได้มาอุ่นในน้ำร้อนและค่อย ๆ เติมสบู่เหลวไร้ด่าง (หรือไม่ใส่ก็ได้) วัดอุณหภูมิที่ 100 องศา เพื่อฆ่าเชื้อ

จากนั้นยกหม้อออกจากน้ำร้อนพักให้เย็น จึงกรอกใส่ขวดเก็บเข้าตู้เย็นไว้ใช้ได้นาน ๆ มะกรูดอาบ/สระในขวดเดียวใช้เอง ใช้เป็นประจำ และใช้ทั้งครอบครัวด้วย ส่วนตัวมีปัญหาเรื่องผมร่วงทุกครั้งที่สระผม

เปลี่ยนแชมพูทุกยี่ห้อที่เป็นธรรมชาติเป็นสมุนไพรราคาเท่าไหร่ยอมจ่ายว่าดีก็มาใช้ได้สักพักท้ายก็ไม่หาย กลับอาการยิ่งเรื้อรัง เหตุอาจจะเพราะส่วนใปใหญ่แชมพูมีสารเคมีอยู่หลายชนิด

พอมาใช้มะกรูดอาบ/สระที่ทำเอง รู้สึกเลยว่าหายคันศรีษะหลังสระผม ผมหลุดร่วงน้อยลงเรื่อย ๆ ถือว่าดีกว่าเดิมเยอะร่วงประมาณครั้งละไม่ถึง 10 เส้น พอใจแล้ว และยังใช้อาบน้ำด้วย

ผิวที่มีแผลรอยเป็นตุ่มยุงกัด รอยเกาจากยุงจากแมลงกัดผื่น ๆ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ผิวก็ค่อย ๆ หายเป็นผื่น ตอนอาบแรก ๆ ออกจะแสบ ๆ บ้างถ้ามีแผลแต่หลัง ๆ มาผิวพรรณดีขึ้นพิสูจน์ด้วยตัวเอง และทุกคนในครอบครัวแล้ว แจกให้เพื่อนในที่ทำงานลองใช้บ้างก็ติดใจเลยให้สูตรไปทำ


รางจืด : ราชายาแก้พิษ

มูลนิธิหมอชาวบ้าน กับ Guang Lert และคนอื่นอีก 24 คน

รางจืด : ราชายาแก้พิษ
ใช้แก้พิษร้อน แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ผิดสำแดง แก้กระษัย ขับปัสสาวะ แก้พิษจากสารเคมีเกษตร แก้พิษเห็ดเมา แก้พิษสัตว์หรือพืชที่เป็นพิษต่างๆ รวมทั้งอาการเมาสุราหรือยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง แนะนำให้ใช้ใบรางจืดแห้งชงน้ำร้อนดื่มแบบน้ำชา วันละ 1-2 แก้ว ช่วยขับสารพิษที่ได้รับแต่ละวันในร่างกาย (เครดิตภาพ : Tongdy)


วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ไก้เป็นโรคระบาด-ยาเบือปู

ไก่เป็นโรคระบาด หมดหนทางรักษา
จัดยาเบื่อปู สักช้อนชา ผสมน้ำสักแก้ว กรอกให้ไก่กิน

ขนาดป้องกัน หนึ่งช้อนชา น้ำ ถังหนึ่งที่ให้ไก่กินนึ่นละ
อย่าใช้บ่อย เอาแค่รักษา หรือระหว่างระบาด

ควรบำรุงไก่ให้แข็งแรงมากกว่า

เพลี้ยไฟ ไรแดง-กำมะถันฉีดผัก

เพลี้ยไฟ ไรแดง
และพวกไม่มีเลือดต่างๆ

ลองเอากำมะถันฉีดผัก ต้องฉีดผักนะครับ
ราคาโลละประมาณ 150 บาท

มาฉีดพ่นดูครับ
เรื่องจากว่า มันฝืด อยาต้องหาอะไรที่ลื่นๆมาหล่อมันหน่อย พวกยาน้ำมันนะครับ
แล้วสารจับใบด้วย

สูตรอาหารเพาะเมล็ดกล้วยไม้

สูตรอาหารเพาะเมล็ดกล้วยไม้
 ใช้
ปุ๋ย 21-21-21 + อาหารรอง 2 กรัมต่อลิตร
น้ำมะพร้าว 150 ม.ล.
วิตามินไวเทอร่า 1 แคปซูล
น้ำตาลทราย 20 กรัม
ผงวุ้นทำอาหาร 5 กรัม


อาหารเนื่อเยื่อ-รองเท้านารี

แอมโมเนียมซัลเฟต 60 มิลลิกรัม
แอมโมเนียมไนเตรท 370 มิลลิกรัม
โปแตสเซียมฟอสเฟต 300 มิลลิกรัม
แมกนีเซียมไนเตรท 110 มิลลิกรัม
เหล็กซัลเฟต 20 มิลลิกรัม
วุ้น 12-16 กรัม
น้ำตาลฟรุคโตส 10 กรัม
น้ำตาลกลูโคส 10 กรัม
น้ำกลั่นเติมลงให้ได้ปริมาตรรวม 1 ลิตร
ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง 4.8-5.1

สูตรนี้นิยมใช้กับรองเท้านารี
และสามารปรับปรุง โดยการเติมวิตามินฮอร์โมน และสารประกอบอินทรีย์ เช่น น้ำมะพร้าวอ่อน น้ำมะเขือเทศ กล้วย มันฝรั่ง เข้าไปได้

จากคุณ : no_te


วิธีการตัดต่อยีน และการตรวจหา GMOs

วิธีการตัดต่อยีน และการตรวจหา GMOs

วิธีการทำอย่างไร ?

การตัดต่อยีนนั้น ทำโดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า "พันธุวิศวกรรม (genetic engineering)" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) กล่าวได้ว่าวิธีการนี้เป็นการคัดเลือกสายพันธุ์ โดยเจาะจงไปยังยีนที่ต้องการโดยตรง แทนที่วิธีการผสมพันธุ์แล้วคัดเลือกลูกผสมที่มีลักษณะตามความต้องการ ซึ่งต้องใช้เวลานาน การเจาะจงไปยังยีนโดยตรงที่ว่านี้ เริ่มโดยการค้นหายีนตัวใหม่ หรือใช้ยีนที่ทราบอยู่แล้วว่ามีคุณลักษณะ (traits) ตามอย่างที่เราต้องการ ยีนตัวนี้อาจมาจากพืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ก็ได้ เมื่อได้ยีนมาแล้วก็นำยีนดังกล่าวใส่เข้าไปให้อยู่ในโครโมโซม (ที่รวมของยีน) ภายในเซลล์ของพืช

วิธีการถ่ายทอดยีนให้เข้าไปอยู่ในโครโมโซมภายในเซลล์ใหม่นั้นทำได้หลายทาง วิธีหลักๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือการใช้จุลินทรีย์ที่เรียกว่าagrobacterium   เป็นพาหะช่วยพายีนเข้าไป (คล้ายกับการใช้รถลำเลียงสัมภาระเข้าไปไว้ที่ที่ต้องการ) อีกวิธีหนึ่งคือการใช้ปืนยิง (gene gun) ยิงยีนที่เกาะอยู่บนผิวของอนุภาคของทอง ให้เข้าไปในโครโมโซมเซลล์พืช เมื่อยีนนั้นเข้าไปในเซลล์พืชแล้ว ไม่ว่าจะโดยวิธีการดังกล่าวข้างต้นวิธีใดก็ตาม ยีนที่เข้าไปใหม่จะแทรกตัวรวมอยู่ในโครโมโซมของพืช จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครโมโซมพืช อย่างไรก็ตามการถ่ายทอดยีนเข้าสู่พืชนั้น มิได้เป็นการถ่ายทอดแต่เฉพาะตัวยีนที่ต้องการเท่านั้น หากแต่เป็นการถ่ายทอด "ชุดของยีน (gene cassette)" นั้นคือนักวิทยาศาสตร์จะนำเอายีนที่ต้องการนั้นไปผ่านขบวนการเสริมแต่ง เพื่อเพิ่มตัวช่วย ได้แก่ ตัวควบคุมการทำงานของยีนให้เริ่มต้นและยุติ และ ตัวบ่งชี้การปรากฎของยีน (ซึ่งตัวช่วยทั้ง 2 ชนิดก็เป็นสารพันธุกรรมหรือ "ยีน" เช่นเดียวกัน) และทั้งหมดก็จะถูกนำมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นชุดของยีน ก่อนที่จะนำชุดของยีนนั้นไปฝากไว้กับเชื้อ agrobacterium หรือนำไปเคลือบลงบนผิวอนุภาคทองอีกทีหนึ่ง

การที่นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องพ่วงตัวช่วยเหล่านั้นให้กับยีนที่ต้องการ ก็ด้วยเหตุผลคือ ยีนที่เราใส่เข้าไปในเซลล์พืชนั้น จะสามารถทำงานได้ (สามารถควบคุมให้มีการสร้างโปรตีนได้) ก็ต่อเมื่อมีตัวควบคุมการทำงานของยีนให้เริ่มต้นและยุติ (เปรียบเสมือนกับมีสวิทช์เปิดและปิด) และนอกจากนี้เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานของยีนที่ต้องการได้ นักวิทยาศาสตร์จึงมีวิธีการสำหรับติดตาม หรือสะกดรอยชุดของยีนที่ใส่เข้าไป นั่นคือโดยการตรวจหาสัญญาณจากตัวบ่งชี้การปรากฎของยีน ตัวบ่งชี้นี้ช่วยให้สามารถคัดแยกเซลล์พืชหรือต้นพืชที่ได้รับชุดของยีนออกจากพวกที่ไม่ได้รับชุดของยีนได้ด้วย ชื่อที่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์สำหรับเรียกตัวควบคุมการทำงานของยีนส่วนทำหน้าที่เป็นสวิทช์เปิดคือ โปรโมเตอร์ (promoter) และส่วนที่เป็นสวิทช์ปิดคือ เทอร์มิเนเตอร์ (terminator) และเรียกตัวบ่งชี้การปรากฎของยีนว่า ยีนบ่งชี้ หรือ ยีนตัวเลือก (marker gene or selectable marker gene) ปัจจุบันนี้มีโปรโมเตอร์และเทอร์มิเนเตอร์ ให้เลือกใช้หลายตัว แต่ที่นิยมคือ CaMV 35S promotor และ NOS terminator ส่วนยีนบ่งชี้มักเลือกใช้ให้เหมาะสมเป็นกรณีไป ตัวอย่างของยีนบ่งชี้ ได้แก่ ยีนที่สามารถต้านสารปฏิชีวนะ (antibiotic resistant) เป็นต้น

วิธีการตรวจหา GMOs ในพืชหรืออาหาร

โดยทั่วๆ ไปถ้ามองด้วยตาเปล่าแล้ว เราไม่อาจจะบอกได้เลยว่า พืช สัตว์ อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ชนิดใดที่วางจำหน่ายกันอยุ่นั้นเป็น GMOs หรือไม่ (ยกเว้นในกรณีที่สิ่งมีชีวิตนั้นได้รับการดัดแหลงให้ลักษณะภายนอกที่แสดงออก เช่น รูปร่าง สี กลิ่น ผิดประหลาดจากพันธุ์ธรรมชาติ ซึ่งโดยทั่วไปก็ไม่ค่อยมีผู้ทำกันมากนัก เพราะมักนิยมเปลี่ยนคุณสมบัติภายในของสิ่งมีชีวิตมากกว่า) ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการทางห้องปฏิบัติการเพื่อการตรวจสอบ ทั้งนี้โดยอาศัยหลักการที่ว่า GMOs ทุกชนิดจะประกอบด้วยสารพันธุกรรม 2 ตัว คือ 35S-promotor และ NOS-terminator เพราะฉะนั้นจึงใช้วิธีการตรวจหาสารพันธุกรรมทั้งสองตัวนี้เป็นตัวหลัก โดยวิธีการที่เรียกว่า พีซีอาร์ (PCR: Polymerase Chain Reaction) ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีการที่ใช้ตรวจสอบหา GMOs ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ได้สำหรับขึ้นตอนคร่าวๆ ของการทำพีซีอาร์นี้ คือ เราต้องทำการสกัดแยกสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอจากตัวอย่างที่สงสัยว่าจะเป็น GMOs จากนั้นจึงทำการเพิ่มจำนวนดีเอ็นเอ โดยใช้สารเคมีที่จำเป็นต่อการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอนั้นๆ ซึ่งหากมีดีเอ็นเอ ที่เราต้องการตรวจสอบอยู่ใน ตัวอย่างก็จะมีการเพิ่มจำนวนของดีเอ็นเอขึ้นมาให้เราตรวจสอบได้

นอกจากการตรวจสอบด้วยวิธีพีซีอาร์แล้ว ยังมีวิธีตรวจหาอื่นๆ อีก เช่น การตรวจหาความต้านทานต่อสารปฏิชีวนะในตัวอย่าง ซึ่งวิธีนี้จะใช้กับตัวอย่างที่สามารถเลี้ยงในอาหารเพื่อทดสอบความต้านทานต่อสารปฏิชีวนะได้ หรือการตรวจหา GMOs โดยใช้วิธีไฮบริไดเซชั่น (Hybridization) ซึ่งอาศัยหลักการที่เบสทั้ง 4 ตัว (A, T, C, G) ที่เป็นองค์ประกอบของดีเอ็นเอจะจับคู่กัน (A จับกับ T, C จับกับ G) แต่โดยทั่วไปมักนิยมใช้วิธีพีซีอาร์ในการตรวจหา GMOs มากกว่า เนื่องจากให้ผลที่ค่อนข้างรวดเร็วและแม่นยำ

โดย มธุรา สิริจันทรัตน์


ความหมายของนาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology)

ความหมายของนาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology)

คำว่า นาโน (Nano) -ความหมายทางวิทยาศาสตร์หมายถึง
มาตราวัดความยาวตามมาตราเมตริก 1 นาโนเมตร มีขนาด 1 ในพันล้านส่วนของ 1 เมตร (10 - 9 เมตร)
แสดงว่า สิ่งใดก็ตามที่มีขนาดความยาว 1 นาโนเมตร จะมีขนาดเล็กมาก

ดังนั้น คำว่า นาโนเทคโนโลยีจึงเป็นวิทยาการประยุกต์แขนงใหม่ที่ว่าด้วยเรื่องของการสร้างหรือการสังเคราะห์สิ่งของต่าง ๆ
ที่มีขนาดเล็กในระดับโมเลกุล และอะตอม และความหมายที่ง่ายต่อความเข้าใจมากที่สุด
ก็น่าจะหมายถึง “เทคโนโลยีขนาดจิ๋ว” นั่นเอง

คำว่านาโนเทคโนโลยี นั้นเดิมทีศาสตราจารย์ริชาร์ด ฟายน์แมน
ใช้คำว่า Minimanufacturing ซึ่งหมายความว่าเป็นกระบวนการผลิตสิ่งที่มีขนาดเล็กจิ๋ว

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) ศาสตราจารย์ โนริโอะ ทานิกูชิ (Norio Taniguchi) แห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โตเกียวเป็นคนแรกที่เริ่มใช้คำว่า “Nanotechnology” (N. Taniguchi, "On the Basic Concept of 'Nano-Technology",  Proc. Intl. Conf. Prod. Eng. Tokyo, Part II, Japan Society of Precision Engineering, 1974)


นาโนเทคโนโลยีถือกำเนิดมาจากแนวความคิดที่ว่า
วัตถุในโลกที่เห็นด้วยตาเปล่านั้นประกอบมาจากอะตอมและโมเลกุล
ดังนั้นการผลิตสิ่งต่างๆ จึงน่าที่จะทำในลักษณะสร้างสิ่งใหญ่ขึ้นมาจากสิ่งเล็ก (Bottom-UP Manufacturing) ในระดับโมเลกุลหรืออะตอม

นาโนเทคโนโลยีเป็นการผสมผสานของวิทยาศาสตร์หลายแขนง
เช่น ชีววิทยา ชีวเคมี วิศวกรรมศาสตร์สาขา หุ่นยนต์ และเครื่องจักรกล
จุดมุ่งหมายสูงสุดของนาโนเทคโนโลยีก็คือความสามารถที่จะสร้างและจัดเรียงอนุภาคต่างๆได้ตามความต้องการ
เพื่อสร้างสสารหรือโครงสร้างของสารในแบบใหม่ๆที่ให้คุณสมบัติพิเศษที่อาจจะไม่เคยมีก่อน

เครดิต



วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

โภชนาบำบัด-กินแล้วอายุยืน

โภชนาบำบัด
1.ดื่มน้ำร้อนปลอดทุกโรค
2.กินไข่วันละฟอง ไม่ต้องไปหาหมอ
3.หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ
4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า
5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง
6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด
7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก(เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์)ทำให้หน้าอกโตด้วย
8.กล้วยน้ำหว้านำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน
9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับน้ำมพร้าวอ่อน จะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน(สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัด)
10.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กินและทาหน้า ร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด
11.กินน้ำมันหมูดีที่สุด

เครดิต ผู้แบ่งปันรับบุญไป


วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ปลูกมะเขือยาว- ของผมเริ่มออกแล้วนะลุง2ไร่ 3วันเก็บครั้งได้ครั้งละ800ก.ก

ฉลองศักดิ์ นันทนิพัทธกุล ของผมเริ่มออกแล้วนะลุง2ไร่ 3วันเก็บครั้งได้ครั้งละ800ก.ก

ฉลองศักดิ์ นันทนิพัทธกุล 
ลงทุน14,000บ.เก็บ2อาทิตย์ได้38,000บ.ขายส่งรถผักที่ตลาดลูกตรง ก.ก.ละ14บ.ลูกตำหนิ 8บ.








หน่อกล้วยน้ำว้า-ไม้พี่เลี้ยงสำหรับชาวสวน

วันนี้ สิ่งที่ลุงได้ลองทำดู
และลองทำมาหลายเดือน

ทุกครั้งที่จะปลูกอะไร ลูงจะไปขุดหน่อกล้วยน้ำว้ามาหน่อนึง
เช่นปลูกสัก ก็เอาปลูกคู่กับหน่อกล้วย
ปลูกมะเขือ ก็เอาปลูกคู่กับหน้อกล้วย
ปลูกสะเดา ังๆก็ปลูกคู่กับหน่อกล้วย

อาจจะเรียกว่าคิดไปเอง แต่อัตราการรอดตายเยอะมาก
โตเร็วแข็งแรง

กลับมาคิด น้ำหมักหน่อกล้วย ยึงใช้ได้

นี่เอาไปปลูก อยู่ด้วยกัน เขาว่าหน่อกล้วยมีสารอะไรสักอย่างที่ทำไห้พืชโตเร็ว

แค่วิธีคิด ที่ไม่มีวิชาการอ้างอิงครับ
ตอนนี้ทุกอย่างในสวน เลยมีกล้วยเป็นพี่เลี้ยง
ทั้งอินทผาลัม สัก ปะดู่ มะค่า มะเขือ พะยุง ตะเคียน และอื่นๆ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะหน่อในสวนมีเยอะ โตแล้วแน่นเราก็โค่นลงตรงนึ้น ทำปุ๋ยต่อไป ไม่ต้องไปเสียตังซื้อปุ๋ย อีกละ


วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ฟักข้าว : สมุนไพรต้านมะเร็ง

ฟักข้าว : สมุนไพรต้านมะเร็ง
ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร และโรคมะเร็งอื่นๆ อีกหลายชนิด เยื่อเมล็ดของฟักข้าวมีปริมาณบีตาแคโรทีนมากกว่าแครอต 10 เท่า มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตา ลดอาการฟกช้ำ ริดสีดวง แก้ท้องเสีย ผื่นคันและโรคผิวหนังติดเชื้อต่างๆ (เครดิตภาพ : niltava, ann, Calla Lily)


ทำข้าวเหนียวปิ้งขาย

ประสาน ศรีนวลนัด กับ การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี

.............................ข้าวเหนียวปิ้ง

.............ข้าวเหนียวปิ้ง ไส้กล้วยไส้เผือก หอมอร่อยแบบไทย ๆ
สิ่งที่ต้องเตรียม...........( อาชีพเสริม หากต้องการทำเพื่อค้าขาย ก็เพิ่มปริมาณครับ)

ข้าวเหนียวขาว 1 กิโลกรัม

กะทิ 3 ถ้วย

น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย

เกลือป่น 1 ช้อนชา

กล้วยน้ำหว้าสุก ผ่าครึ่งตามยาว 5 ลูก (หรือไส้เผือก)

ใบตองสำหรับห่อขนม

ไม้จิ้มฟัน สำหรับกลัดใบตอง

วิธีทำ

1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 1 คืน

2. ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่น คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย เตรียมไว้

3. นำข้าวเหนียวที่แช่ไว้ไปนึ่งจนสุก จากนั้นใส่ส่วนผสมกะทิลงไป มูนส่วนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

4. ตักข้าวเหนียวมูน 2 ช้อนโต๊ะ วางลงบนใบตอง ตามด้วยกล้วย 1 ชิ้น หรือส่วนผสมไส้เผือก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วทับด้วยข้าวเหนียวอีก 1 ช้อนโต๊ะ ม้วนหรือพับใบตองเข้าหากันให้สวยงาม ใช้ไม้จิ้มฟันกลัดหัวและท้าย เตรียมไว้

5. นำข้าวเหนียวไปย่างบนเตา ด้วยไฟอ่อนจนสุกหอมและเนื้อขนมเป็นสีเหลือง ยกลงจากเตา แกะออกจากใบตอง พร้อมรับประทาน

สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับไส้เผือก)

เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 หัว

น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย

นมข้นจืด 1/4 ถ้วย

เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีทำ

1. ใส่เผือกบด น้ำตาลปี๊บ นมข้นจืด และเกลือป่นลงในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง กวนจนส่วนผสมเหนียว พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้สำหรับทำเป็นไส้ขนม

ข้าวเหนียวปิ้งส่งกลิ่นหอม ๆ เสียจริงเลย ถือเป็นอีกหนึ่งขนมไทยอร่อย ๆ จากภูมิปัญญาของคนไทย แหม มันน่าภูมิใจเสียจริงที่มีขนมอร่อย ๆ แบบนี้เกิดขึ้นบนโลก ^^


วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

ช่วยด้วยครับบบ!! ลูกปลาดุกตาย ผู้รู้ช่วยชี้แนะนำด้วยครับ

เอาที่ผมทำตอนเลี้ยงปลาดุกนะครั ประมาณ สิบบ่อ บ่อละสองงาน
การเตรียมน้ำ เพื่อปล่อยยูกปลา ผมปล่อยปลาตุ้ม ด้วยครับ  อกจากใข่ไม่กี่วัน

1.สูบน้ำเข้าบ่อ
2.โรยปูน ไดโลไมท์หรือปูนขาว
3.ปรับสีน้ำ เพิ่มอาหารด้วยมูลสัตว์ วางขอบๆบบอ แช่น้ำครึ่งกองแห้งครึ่งกองรอบๆสระ หรือ
4.เอามูลสัตว์ ใส่กกะสอบแล้วโยนลงน้ำ   วิธินี้บ่อจะเอามูลสัตว์ มาทำปุ๋ยต่อได้
5.เมื่ออาหารพร้อม สัน้ำเขียวดี เตรียมกำจัด สัตว์น้ำอื่นๆให้หมดก่อนปล่อยปลาตุ้ม 24ชม.
6.ไซยาไนท์ สาดให้ทั่วบ่อก่อนปล่อยลูกปลา24ชม.
7.สาดยาฆ่าเชื้อ ในวันรุ่งขึ้นช่วงเช้ๆ
8.เย็นๆ ค่ำๆ ปล่อยปลาลงไป
9.เช้ามาให้อาหารลูกปลาผสมยาปฏิชีวนะ ไม่ต้อมากครับ  ฝึกปลากินอาหาร ตรงที่เราคิดว่าเป็นตำแหน่งให้อาหาร

10.....เลี้ยงๆไปฝนตก ทั้งที่กำลังตก ผมจะเอาปูนขาว มาสาดผสมไปเลยกับฝน  แล้ววั้น นั้น งดอาหารเด็ดขาดครับ

ถ้าจจะเอาดี เราต้องมีทุกอย่างกองในบ้านพร้อมใช้ครับ
ปูนขาว ยา สารเหนียว
ด่างทับทิม ฟอมาลิน  เกลือแกง
ซีโอไรท์ หรือออปกรณ์ที่ต้องใช้

ปลาป่วยเร็ว หายเร็ว ถ้าแก้ทันท่วงที

ลองสาดเกลือแกงลงไปครับ ละลายน้ำกอนก็ได้ หรือถ้าฝนตกหนัก phเปลี่ยนเยอะ
 ปูนขาวก็ได้ แต่น้อยครับ พวกนี้ไม่เหมือนโลโลไมท์ ปูนชาวเปลี่ยนไว ต้องที่ละน้อยเดี๋ยวปลาน็อก
โดโลไมท์ จะปลอดภัยกว่า แล้วงดอาหารจนกว่าปลาจะหายป่วย



ทำขนมโตเกียว(ไส้เค็ม)

คอนเฟิร์มว่าแป้งสูตรนี้อร่อยมากกกก อร่อยกว่าไปซื้อทานบางเจ้าอีกค่ะ อิอิ
ขนมโตเกียว(ไส้เค็ม)
สูตรแป้งcr.แม่จีจี้(Yuki San)
แป้งอเนกประสงค์ ร่อนแล้ว 2 ถ้วยตวง
ผงฟู 4 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
นมสด 2 ถ้วย
เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ (30 g)
วนิลา 1 ช้อนโต๊ะ
ไส้
ไข่นกกระทา
ไส้กรอก
หมูสับรวน
น้ำพริกเผา
ซอสมะเขือเทศ หรือ พริก
ซอสปรุงรส
พริกไทยป่น
วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกัน พักไว้
2. ตีไข่ให้ขึ้น(ใช้ตะกร้อมือก็ได้ค่ะ) ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลจนหมด ค่อยๆ ใส่แป้งสลับกับนมสด จนหมด ใส่เนยละลาย วนิลา
3. พักไว้ประมาณ 20 นาที
นำกระทะเทฟล่อนตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน อาจจะทาเนยนิดหน่อยก่อนลงแป้ง(กันแป้งติดกระทะ) ใช้กระบวยตักแป้งแล้วหยอดลงในกระทะไม่ต้องมาก แป้งห้ามหนาไม่งั้นจะม้วนไม่ได้ค่ะ ให้ใช้ก้นกระบวยเกลียแป้งโดยวนเป็นวงรี หรือวงกลม ให้บางเท่าที่จะทำได้ แต่อยากให้เป็นรู เร่งไฟอ่อนถึงกลาง พอแป้งเริ่มสุกให้ลดเหลือไฟอ่อนเหมือนเดิม ทาน้ำพริกเผา อย่ามาก เกลียให้บาง ตอกไข่นกกระทาใส่ตีให้แตก หรือเป็นฟองตามชอบ รอจนไข่สุก 80% วางไส้กรอกและหมูสับรวน ราดซอสมะเขือเทศ เหยาะซอสปรุงรสนิดเดียวและพริกไทยป่นนิดหน่อย ม้วนแป้ง เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
ปล.ถ้าชอบทานกรอบๆ ให้เร่งไฟเพิ่มอีกนิดจนได้สีที่พอใจ แล้วม้วน จบค่ะ ^^
ปล2. สามารถเปลี่ยนไส้ได้ ถ้าชอบทานไส้หวาน แล้วแต่ดัดแปลงค่ะ

ปล.ลุงทำยื่อคนสอนหาย  ขอกุศลผลบุญจงเกิดแก่ผู้แบ่งปัน ด้วยเจตนาเดียวกัน ขออย่าว่ากัน

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

การเอาถุงห่อกล้วย-ประโยชน์

ถุงปุ๋ยยูเรียเพราะเป็นสีฟ้า
เพื่อกรองแสงอินฟาเรด
 เพราะแสงอินฟาเรดทำให้กล้วยหวีบนมีสีเขียวอ่อนกว่าหวีล่างซึ่งไม่โดนแดด
ถ้าเราห่อจะทำไห้กล้วยมีสีเขียวเข้มสม่ำเสมอทุกหวี

ไม่ควรใช้ถุงดำเพราะอากาศจะร้อนอบอ้าว

โดยการตัด เปิดปากถุงให้อยู่ในลักษณะของผ้าถุง โดยให้ถุงที่ห่อ ยาวกว่าเครือกล้วย
พอจะกันนกได้



แต่ต้องหมั่นตรวจดูเพราะกล้วยจะสุกจากด้านบนลงล่าง
แต่
กล้วยจะแก่ ลบเหลื่ยม จากล่างขึ้นบน เราจึงจะมองไม่ออกว่าสุกหรือยัง

แมลงหวี่ขาว-กำจัดด้วยสมุนไพร

ส่วนผสม
1. หัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ส่วน
2. กากน้ำตาล 1 ส่วน
3. น้ำส้มสายชูแท้ 1ส่วน
4. เหล้าขาว 1 ส่วน
ผสมใช้ได้เลย
หมักไว้นานเท่าไรก็ได้ไม่เสีย

อัตราการใช้ 2 ช้อนโต๊ะหรือ20cc  ต่อน้ำเปล่า 20 ลิตร


วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ใบมะยม ต้านเบาหวาน & แก้ปวดหัว

ใบมะยม ต้านเบาหวาน & แก้ปวดหัว

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานน้ำตาลในเลือดสูง วันนี้มีสูตรใบมะยมต้มใบเตยลดน้ำตาลในเลือดมาฝากกันซึ่งมีสรรพคุณทั้งต้านเบาหวานและบำรุงตับอ่อน

วิธีทำ ใช้ใบมะยมสด และรากเตยสดหรือแห้งก็ได้ ต้มรวมกัน แล้วใช้น้ำมาดื่มกิน ถ้าไม่มีรากเตย ก็ใช้ใบมะยมอย่างเดียว (ใส่มะตูมแห้งแบบเป็นแผ่นเพิ่มได้) เมื่อกินใบมะยมระยะแรก จะกระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตน้ำตาลมากกว่าเดิมแต่ไม่เพลียไม่เหนื่อย ต่อไปเมื่อตับอ่อนแข็งแรงแล้ว ตับอ่อนจะทำงานของมันเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาอินซูลินจากภายนอก แล้วตับอ่อนจะคุมน้ำตาลด้วยตัวของมันเองและใบมะยมจะกระตุ้นน้ำตาลให้ขึ้นไปเลี้ยงสมอง ถ้าต้มใบมะยม กินน้ำควรกินให้หมดภายในวันนั้น ก็จะได้โอสถสาร ต้มใบมะยมรวมกับรากใบเตยจะได้รากเตยมาช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง

คนที่เป็นเบาหวานแต่อยากกินของหวาน ก็กินใบมะยมสด ๆ สัก 2-3 ก้าน (ก้านไม่ต้องกิน) ลงไปรองท้องก่อน เคี้ยวไม่ไหวก็ปั่นกินได้แล้วจึงกินของหวาน กากใยของใบมะยมจะช่วยดูดซับน้ำตาล ไม่ให้ดูดซึมเข้ากระแสเลือด และเมื่อกินของหวานแล้วก็กินน้ำสำรองตาม เพื่ออมกากใยไว้รอการขับถ่าย (ใบมะยมใช้กินสด ๆ จิ้มน้ำพริกได้, แกงเรียงใส่ใบมะยมได้)

อาการปวดหัวมีหลายรูปแบบ แต่ที่จะพูดถึงในวันนี้คือ “ปวดหัว” ที่เกิดจากสาเหตุเพราะเครียด คิดมาก อดนอน หรือขาดการออกกำลังกาย มีวิธีรับประทานแบบง่ายคือ ให้เอาใบมะยมที่เป็นใบแก่รวมกัน 1 กำมือ ต้มน้ำสะอาดกะตามต้องการ ใส่น้ำตาลกรวดอย่าให้หวานนัก ต้มจนเดือดแล้วดื่มต่างน้ำขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ และก่อนนอน ทำดื่มเรื่อย ๆ จะช่วยให้ อาการปวดหัวที่เกิดจากสาเหตุดังกล่าว ทุเลาลงและหายในที่สุด

ขอบคุณ : สสส


วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

แชมพูมะกรูด และเจลอาบน้ำมะกรูด 

. แชมพูมะกรูด และเจลอาบน้ำมะกรูด ....( ขอบคุณท่านเจ้าของสูตร)

"ขวดเดียวใช้ได้ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า สูตรนี้สระผมได้อย่างสะอาดและปลอดภัย ใช้ได้ทั้งครอบครัวทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่" "เมื่อใช้อาบน้ำช่วยให้สะอาด ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น มีกลิ่นหอมจากน้ำมันผิวมะกรูดทำให้รู้สึกสดชื่น ความเปรี้ยวจากมะกรูดช่วยขัดขี้ไคลตามผิวหนังออกได้อย่างหมดจด" สมุนไพรที่ใช้คัดมาเพื่อให้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยและไม่เป็นอันตราย ไม่เกิดสารตกค้างและไม่ระคายเคืองต่อผิว คุณค่าจากสมุนไพรทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ มะกรูด รางจืด ย่านาง ผิวส้มโอ มีคุณประโยชน์ ดังนี้

ผลมะกรูด กำจัดรังแค บำรุงผมดก บำรุงหนังศรีษะและรากผมใช้เป็นยาสระผมหรืออาบน้ำช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง และรสเปรี้ยวของมะกรูดช่วยให้อาบสะอาด น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูดทำให้รู้สึกสดชื่น

ใบรางจืด ช่วยขับล้างสารเคมี สารพิษที่ตกค้างจากการใช้แชมพูที่มีสารเคมีติดต่อกันเป็นเวลานาน ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้แชมพูมีความข้นตามธรรมชาติ

ใบย่านาง ช่วยให้ศรีษะเย็น ผมดกดำหรือชะลอผมหงอกก่อนวัย เป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นช่วยรักษาผื่นปื้นแดงคันหนังศรีษะ หรือมีตุ่มใสคัน ช่วยถอนพิษและแก้อักเสบได้

ผิวส้มโอ ต้มน้ำอาบแก้คัน รักษาโรคผิวหนัง จำพวกลมพิษต้านเชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ลดการอักเสบ น้ำมันหอมระเหยช่วยให้มีกลิ่นหอมสดชื่น และรู้สึกผ่อนคลาย

เกลือสมุทร การอาบน้ำเกลือหรือสระผมด้วยเกลือ จะช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง ช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศรีษะได้ การอาบน้ำที่มีส่วนผสมของเกลือจะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างได้

สุดท้ายใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ สบู่เหลวไร้ด่าง สูตรไร้สีของทารกแรกเกิด

อัตราส่วนผสม

ผลมะกรูด 20 ผล

ใบย่านาง 100 ใบ

ใบรางจืด 70 ใบ

ผิวส้มโอ 1 ผล

เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

สบู่เหลวไร้ด่าง 300 มิลลิลิตร (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ที่ใส่เพราะต้องการฟองเล็กน้อยช่วยให้ผมไม่พันกันและช่วยลดการเสียดสีของเส้นผมไม่ให้ผมขาดง่ายในขณะสระ)

วิธีทำ

1. ล้างทำความสะอาดใบย่านาง ใบรางจืด ผลส้มโอ ผลมะกรูด

2. ผ่าครึ่งผลมะกรูดและแคะเมล็ดออกบ้างช่วยให้ปั่นได้ง่ายขึ้น

3. ปลอกเอาแต่ผิวส้มโอ 1 ผล

4. ใส่น้ำ 2 ถ้วยตวงลงในหม้อต้มให้เดือด

5. เมื่อน้ำเดือดนำส่วนผสมทุกอย่างได้แก่ มะกรูด ใบย่านาง ใบรางจืด ผิวส้มโอ และเกลือลงต้มให้เดือดยกหม้อลงพักไว้ให้เย็น

6. เมื่อส่วนผสมเย็นแล้วนำไปปั่นให้ละเอียดและใช้ผ้าขาวบางกรองกากออกทิ้ง

7. นำน้ำแชมพู/ครีมอาบน้ำ ที่ได้มาอุ่นในน้ำร้อนและค่อย ๆ เติมสบู่เหลวไร้ด่าง (หรือไม่ใส่ก็ได้) วัดอุณหภูมิที่ 100 องศา เพื่อฆ่าเชื้อ

จากนั้นยกหม้อออกจากน้ำร้อนพักให้เย็น จึงกรอกใส่ขวดเก็บเข้าตู้เย็นไว้ใช้ได้นาน ๆ มะกรูดอาบ/สระในขวดเดียวใช้เอง ใช้เป็นประจำ และใช้ทั้งครอบครัวด้วย ส่วนตัวมีปัญหาเรื่องผมร่วงทุกครั้งที่สระผม เปลี่ยนแชมพูทุกยี่ห้อที่เป็นธรรมชาติเป็นสมุนไพรราคาเท่าไหร่ยอมจ่ายว่าดีก็มาใช้ได้สักพักท้ายก็ไม่หาย กลับอาการยิ่งเรื้อรัง เหตุอาจจะเพราะส่วนใปใหญ่แชมพูมีสารเคมีอยู่หลายชนิด พอมาใช้มะกรูดอาบ/สระที่ทำเอง รู้สึกเลยว่าหายคันศรีษะหลังสระผม ผมหลุดร่วงน้อยลงเรื่อย ๆ ถือว่าดีกว่าเดิมเยอะร่วงประมาณครั้งละไม่ถึง 10 เส้น พอใจแล้ว และยังใช้อาบน้ำด้วย ผิวที่มีแผลรอยเป็นตุ่มยุงกัด รอยเกาจากยุงจากแมลงกัดผื่น ๆ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ผิวก็ค่อย ๆ หายเป็นผื่น ตอนอาบแรก ๆ ออกจะแสบ ๆ บ้างถ้ามีแผลแต่หลัง ๆ มาผิวพรรณดีขึ้นพิสูจน์ด้วยตัวเอง และทุกคนในครอบครัวแล้ว แจกให้เพื่อนในที่ทำงานลองใช้บ้างก็ติดใจเลยให้สูตรไปทำ


วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

กล้วยน้ำว้า..ดองน้ำผึ้ง..สุดยอดยาอายุวัฒนะ ::

: กล้วยน้ำว้า..ดองน้ำผึ้ง..สุดยอดยาอายุวัฒนะ ::

●● ส่วนประกอบ

1 พริกไทยดำ บุบๆ พอแตก 100 เม็ด

2 ขิงสดฝานเป็นแง่งบางๆ 1 แง่ง

3 กล้วยน้ำว้าสุกคาต้น 1 หวี

4 น้ำผึ้งแท้

5 โหลแก้ว ขนาด พอประมาณ(ให้สูงกว่ากล้วยวางแนวตั้ง)

●● วิธีทำ

1.นำพริกไทยและขิงสดเรียงไว้ก้นโหลปลอกกล้วยน้ำว้าใส่เรียงตามลงในแนวตั้ง...

2.เรียงจนกล้วยเต็มโหล แล้วเติมน้ำผึ้งแท้ ตามลงไปจนท่วมกล้วยมิด

3.ปิดฝาโหลตั้งทิ้งเอาไว้ สามวัน

4.จากนั้นนำกล้วยมากินเช้า 1 ลูก เย็น 1 ลูกถ้ากล้วยใกล้หมดให้เติมกล้วยลงไปใหม่

5.หมักต่อไป...ทานได้เรื่อยๆ

●● สรรพคุณ : บำรุงดี ภูมิแพ้หาย ร่างกาย แข็งแรง อายุยืน


วิธีทำหมูปิ้งนมสด สูตรหมูปิ้งนมสด

จิตรสว่าง คำมหา

หมูปิ้งนมสด

วิธีทำหมูปิ้งนมสด สูตรหมูปิ้งนมสด

เครื่องปรุง

เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม / ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต. / นมข้นจืด 3-4 ชต. หรือนมสด 1 ถ้วย / น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย / น้ำตาลทรายนิดๆ / น้ำมันหอย นิดหน่อย / ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต / กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2 ชต. / น้ำมันมะกอก 2-3 ชต. / (ชต หมายถึง ช้อนโต๊ะ)

ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป

วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่อย่าบางมาก แล้วนำไปคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว นำไปแช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วัน ค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง หรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ ครับ
ตอนปิ้งหมู น้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งให้นำน้ำกะทิมาผสม ขณะที่กำลังปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
- ถ้าจะให้สุดยอดยิ่งขึ้นควรจะใส่ซอสหอยนางรมไปบ้างเล็กน้อย ควรใช้ซอสหอยอย่างราคาไม่แพงเพราะว่ามีแป้งผสมอยู่บ้างแล้ว เหยาะผงกระหรี่พอเห็นด้วยหางตา เวลาปิ้งควรพรมน้ำหมักไปด้วยเล็กน้อยจะทำให้เกิดควันและกลิ่นซึ่งเป็นหัวใจของการขาย แต่อย่าให้ถึงขนาดมองหน้ากันไม่รู้เรื่อง ปิ้งกะว่าเกือบสุก เมื่อมีลูกค้าจีงค่อยปิ้งตอนจบ จะทำให้หมูปิ้งของคุณไม่แห้ง อวบอูมอิ่มเอิบน่ารับประทาน ใส่ถุงพลาสติกมัดให้แน่น ย้ำลูกค้าว่าอย่าเปิดจนกว่าจะทาน
- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ( 3 อย่างนี้อย่าขี้เหนียวนะเพราะจะทำให้หอมมากครับ) หมักทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 2 ชม.เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าถึงเนื้อ แต่ถ้าคุณต้องการทำขายควรหมักทิ้งไว้ข้ามคืน
- ปกติจะหมักหมูที่หั่นแล้ว การหั่นมีหั่นสองแบบ แบบแรกคือใช้หมูสันนอกเนื้อจะแข็งไม่มีมัน แล่เป็นแผ่นเลยกับอีกแบบคือ ใช้หมูสันใน เนื้อจะแดงๆ ไม่เป็นแผ่นๆ มันแทรกนิดหน่อย หั่นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ ไม่ต้องหนา
- เวลาหั่นเลือกหั่นตามขวาง ลายเส้นของหมู จะกัดง่ายขึ้น เวลาซื้อนี่เลือกติดมันหน่อยหนึ่ง

- การทำให้หมูนุ่มหลัก ๆ มี 4 สูตรครับ คือ

1. สูตรหมูนุ่มสูตรแรก ใส้แป้งมันหมักกะหมู ผลที่ได้ จะได้เนื้อนุ่มแบบ ดึ๊ง ๆ เหมือน หมู ใน ราดหน้า ร้านดัง ๆ
2. สูตรที่สอง หมักหมูกะ มะละกอดิบครับ ขยำ ๆ ทิ้งไว้ สองชั่วโมง นิด ๆ เนื้อหมูที่ได้ จะ นุ่ม แบบ ยวบ ๆ ประมาณว่าแค่เอามีดลูบ ๆ ก้อขาด (อย่าหมักนานมากนะ เดี่ยว จะเละซะก่อน)
3.สูตรหมูนุ่มสูตรสาม คือ ใส่ Baking Soda แต่แหวะ ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันจะนุ่มแบบไม่นุ่ม (งงปะ) แต่ตลาดทั่วไปชอบใช้สูตรนี้ เพราะมันประหยัดต้นทุนครับ
4. สูตรหมูนุ่มสูตรสี่ คือ ขยำมะม่วงหวานลงไป ในขั้นตอนสุดท้ายอย่ามาก แค่เอาสีกับกลิ่น สูตรนี้จะทำให้หมูของคุณแดงแบบส้ม ๆ ไม่เหมือนใช้มะละกอ และจะออกหวาน ๆ มัน ๆ แทนกลิ่นซี้อิ๊ว แต่ผมว่าแรก ๆ จะอร่อยนะ แต่นาน ๆ ไปมันจะไม่อร่อย เพราะมันจะติดลิ้นว่าหวาน แต่สูตรนี้กินกับน้ำจิ้มแจ่วอร่อยเหาะไปเลยครับ เพราะมันจะไปตัดกับเค็มของน้ำจิ้มแจ่ว ออกหวานแบบอร่อย ๆ
สุดท้าย ท้ายสุด

เนื้อหมูที่ใช้ ควรเป็นเนื้อสันส่วนขาหลัง ติดมันนิดหน่อย ถ้าเนื้อหมูที่ซื้อมาติดมันมากเกินไปก็ให้แล่เอามันออกทิ้งไปบ้าง เวลาแล่เนื้อหมูก็ต้องพยายามแล่ให้ได้ขนาดเสมอกันเพื่อความสวยงาม เวลาเสียบก็ต้องเสียบเนื้อหมูตามขวาง เนื้อหมูจะได้ดูหนา เวลากินจะไม่เหนียว และที่สำคัญจะต้องหมักหมูทิ้งไว้ในช่องฟรีซสัก 2 -3 วันถึงจะดี เวลาจะนำมาปิ้งก็เอาออกมาจากช่องฟรีซ แล้วทิ้งให้น้ำแข็งละลายก่อน เครื่องจะเข้าเนื้อและนุ่ม ถ้าหมักแล้วย่างเลยจะไม่อร่อย เวลาปิ้งจะไม่สวย เนื้อหมูก็จะติดตะแกรงด้วย


ยาอายุวัฒนะ ง่ายๆ

HappyPhoneMBK



ส่วนผสม
· สับปะรด 1 หัว
· ใบโหระพา และใบตำลึง คัดแต่ยอด รวมกันน้ำหนักประมาณ 1 ขีด

วิธีการ
นำสับปะรด ปอกเปลือกและล้างให้สะอาด
 นำใบโหระพา ใบตำลึง ล้างน้ำให้สะอาด
 เสร็จแล้วก็นำมาใส่โถปั่นรวมกันทั้งหมด
ปั่นให้ละเอียด ไม่ต้องผสมน้ำ
 หลังจากนั้นก็นำมากรองผ่านผ้าขาวบาง เอาแต่น้ำมาทาน กากเอาไปทิ้ง

ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี ทำมาดื่มทุกวันยามเช้า หรือให้ดีก็ให้ทานเช้าเย็น


ผักกระสัง....รักษามะเร็ง อักเสบ

น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง

ผักกระสัง..........
สรรพคุณทางยาของผักกระสัง หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง ผักกระสังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ใบยังนำมารักษาโรคลักปิดลักเปิด แก้ไข้ แก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ และยังเชื่อว่าการใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้าจะทำให้ผิวสวย ปัจจุบันมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบมีฤทธิ์แก้ปวด และไม่มีพิษภัย
ที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการกินผักกระสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าต์และข้ออักเสบ โดยวิธีการต้มให้นำผักกระสังประมาณ๑ กำมือ ต้มกับน้ำ ท่วมยา ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น นอกจากนี้ชาวฟิลิปปินส์ยังใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง
ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกระสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) การศึกษาวิจัยในปัจจุบันยังพบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมี วิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือ มะนาว ๑๐๐ กรัมมีวิตามินซี ๒๐ มิลลิกรัม ส่วนผักกระสังมีอยู่ ๑๘ มิลลิกรัม ในบ้านเราสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยวิเคราะห์หาธาตุอาหารในพืชผักต่างๆ พบว่าผักกระสัง ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม มีเบต้า – แคโรทีนราว ๒๘๕ ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล

เนื่องจากในผักกระสัง มีสรรพคุณทางยาในการรักษาเริมและมะเร็งเต้านม ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกระสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกระสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกระสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกระสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวด





วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

การทำน้ำใบบัวบก

ประสาน ศรีนวลนัด

ใบบัวบก.....

สรรพคุณทางยา

บัวบกเป็นยาได้ทั้งต้นสด ใบและเมล็ด การนำบัวบกมาใช้เป็นยา ควรเลือกเฉพาะใบที่สมบูรณ์เต็มที่ มีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น แก้เจ็บคอได้ ทำให้มีความสดชื่น แก้ช้ำใน ชุ่มคอ สามารถแก้โรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

......เมื่อดื่มน้ำใบบัวบกทุกวัน เป็นประจำใน 1 สัปดาห์ จะเห็นผลได้ทันทีว่าสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณอย่างอื่น คือ บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาบาดแผล แก้ปวดเมื่อย โรคเรื้อน กามโรค และตับอักเสบ ส่วนเมล็ดมีรสขมเย็น แก้บิด แก้ไข้ ลดอาการปวดศีรษะได้

..............การทำน้ำใบบัวบก

นำใบบัวบกมาล้างให้สะอาด ถ้าซื้อมาจากตลาดควรเลือกที่สดใหม่ เลือกใบที่เสียหรือเน่าทิ้งไป แช่น้ำยาล้างผัก (เพื่อป้องกันยาฆ่าแมลง) แล้วล้างน้ำสะอาดใส่ตะแกรง พักไว้

นำใบบัวบกที่ล้างสะอาดแล้วใส่ที่ปั่น (ถ้าไม่มีใช้ครกหินตำให้ละเอียด) ใส่น้ำสะอาดที่ใช้ดื่มลงไปพอท่วมใบบับบก ปั่นให้ละเอียด ถ้าตำด้วยครกจนแหลกดีแล้วละลายน้ำ

กรองกากใบบัวบกด้วยผ้าขาวบาง บีบน้ำใบบัวบกใส่ภาชนะซึ่งเป็นชามแก้ว หรือชามพลาสติกก็ได้

กรอกน้ำใบบัวบกที่กรองแล้วลงในขวดเปล่าที่ล้างสะอาด (ถ้าเป็นขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มิลลิกรัม ก็สะดวกดีในการแช่ในตู้เย็น) ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสีซัก 1-2 ช้อนโต๊ะ (อย่าให้หวานมาก) เขย่าให้น้ำตาลละลายดีในน้ำใบบัวบกตั้งทิ้งไว้สักครู่

นำน้ำใบบัวบกที่บรรจุขวดดังกล่าวใส่ตู้เย็น ควรดื่มให้หมดใน 2-3 วัน ไม่ควรเก็บไว้นานเพราะไม่ได้ใส่ยากันบูด น้ำใบบัวบกอาจเสียได้


กำจัดแมลงสาบ

เจ้าสัว หมาเหลือขอ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 รูป

วิธีพาแมลงสาบไปเที่ยวนอกบ้าน วิธีการง่ายมากๆ เลยอยากเอามาแชร์ให้
เพื่อนๆ ได้ทราบวิธีการกันค่ะ

ส่วนประกอบ
1. ขวด เฮลบลูบอยที่หมดแล้ว 1 - 2 ขวด
2. น้ำมันหมู
3.เฮลบลูบอย สักเล็กน้อยติดก้นขวด พอได้กลิ่นหอม

วิธีทำ
1. เทน้ำมันหมูลงในขวด เฮลบลูบอย แล้วก็เคล้ากะให้น้ำมันหมูเกาะทั่วขวด
2. เอาน้ำมันหมูป้ายขอบในคอขวด กะให้กำลังลื่นพองาม
3. เอาไปตั้งไว้กลางห้องครัว หรือ แหล่งชุมนุม แมลงสาบ (เฉพาะจุดที่พบบ่อยๆ)
4. ทิ้งเอาไว้ ประมาณ 8 ชม. แนะนำ >>ตั้ง<< ไว้ก่อนนอน
5. ตื่นมาตอนเช้าอย่าตกใจ แมลงสาบจะยั่วเยี๊ย ไปทั้งขวด แต่ออกมาไม่ได้ เด็กและสตรีที่กลัวแมงสาบ
ไม่ควรทำ เพราะอาจจะตกใจตายได้
6. เอาฝาเฮลบลูบอยปิดไว้ แล้วฝากให้รถขยะพาแมลงสาบไปเที่ยวนอกบ้าน
7.ทำ 1 - 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ล้างป่าช้าได้ทีละเกือบ 30 ตัว

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ไม่อยากเลี้ยงแมลงสาบแล้ว แต่เอาไปปล่อยวัดไม่ได้ (ไล่จับไม่ทัน)

Cr. คุณแต่งบุญ


การถอนพิษแมงป่องต่อย

Yuwadol Suriyakul

การถอนพิษแมงป่องต่อย
ผมไปได้ข้อมูลจากครูบำนาญท่านหนึ่ง บอกว่าถ้าโดนแมงป่องต่อยบางคนแพ้พิษอย่างรุนแรงจะปวดมาก ไข้ขึ้นเลย แผลบวมอักเสบ นอนซมเลยทีเดียว มีวิธีถอนพิษแบบง่ายๆโดยของใช้ในครัวเรือน คือ น้ำมะนาว กับ ผงชูรส มาผสมคนให้เข้ากันแล้วนำสำลีมาชุบน้ำนำไปแปะบริเวณแผลที่ถูกแมงป่องต่อยจะรู้สึกว่าตัวยาดูดพิษบริเวณถูกต่อยตุ๊บๆอย่างชัดเจน ทิ้งไว้สัก 10 นาที อาการปวดและแพ้พิษจะหายได้อย่างเหลือเชื่อ เลยนำมาบอกเป็นวิทยาทานส่วนจะได้ผลขนาดไหนนั้นต้องลองดูเอาเองครับ


มะละกอ : ป้องกันมะเร็งลำไส้

มะละกอ : ป้องกันมะเร็งลำไส้
ผลไม้ริมรั้วมากด้วยคุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระเมื่อผลสุก น้ำมีรสชาติหวานหอม มีวิตามินเอและแคลเซียมสูง ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้มะละกอสุกยังนำมามาสก์หน้าบำรุงผิวหน้าอ่อนนุ่ม หรือมีปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า ทั้งนี้ ผู้ที่ควบคุมอาหาร ไม่ควรกินมากเกินไป (เครดิตภาพ : isolateboy)

มูลนิธิหมอชาวบ้าน



สมุนไพรแก้ปวด อักเสบกล้ามเนื้อ

ธัมมัสสะวะ นะกาโล

ภูมิปัญญาไทย
ประโยชน์ของเหล้าขาวกับมะกรูด

สมุนไพรแก้ปวด
เรื่องเก่าเล่าใหม่กับภูมิปัญญาไทยที่ดีครับ
สมุนไพรแก้ปวด แก้อักเสบเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ
นำมะกรูด 10 ผล ล้างน้ำให้สะอาด ผ่าซีก
แล้วนำไปใส่ในภาชนะขวดโหลที่เป็นกระเบื้องหรือแก้ว
อย่าใช้พลาสติกนะครับ
แล้วเทเหล้าขาว 1 ขวดลงไป
ดองไว้ 15 วัน
จากนั้น กรองเอาแต่น้ำ
มาใส่ขวดที่มีหัวฉีดพ่น
เพื่อนำมาพ่น หรือเทใส่สำลี
นำมาทาบริเวณที่มีอาการครับ เช่น ที่เข่า ไหล่ ข้อเอ็น
และกล้ามเนื้อบริเวณที่เจ็บปวด อักเสบ สักพัก จะดีขึ้นทันที
ใช้ได้ผลแม้ในผู้ที่เป็น


ใส้กลัวย-ล้างตับไตใส้พุง

มาล้างตับ ไต ไส้ พุง กัน
น้ำไส้กล้วย ล้าง ตับ ไต ไส้พุง

ไส้กล้วยหรือหยวกกล้วยเป็นอาหารที่หาง่ายและทำอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกง ต้มกระทิ แถมยังนำมาต้มทำชาสมุนไพรไว้ดื่มรักษาสุขภาพได้อีก ชนิดของหยวกกล้วยที่นิยมรับประทานก็คือ หยวกกล้วยตานี หยวกกล้วยป่า หยวกกล้วยน้ำว้า โดยหยวกกล้วยที่เราจะนำมาปรุงอาหารนั้น ควรเป็นหยวกกล้วยที่ยังไม่ออกปลีหยวกกล้วยนั้นมีใยอาหารที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษตามลำไส้ กระเพาะ แล้วขับถ่ายออกมา มีธาตุเหล็กซึ่งเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบิลในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง ป้องกันโรคลำไส้เป็นแผลกล้วยยังไม่ออกเครือมาไว้ทำอาหารทานจะได้คุณค่าทางอาหารสูงกว่าส่วนกล้วยออกเครือแล้วจะใช้มาต้มทำยา เหมือนหลักการเก็บสมุนไพรทั่วไปที่มักจะเก็บหลังออกดอกเพราะจะได้ตัวยาสูงกว่า

สรรพคุณ
ช่วยให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปรกติ ล้างตับ ไต ไส้พุง สารพิษต่างๆ ภายในร่างกายผ่านออกทางปัสสาวะ ทั้งยังช่วยละลายนิ่วในไต ถุงน้ำดี และต่อมลูกหมาก ให้หมดไปอีกด้วย

วิธีทำ
ลอกกาบกล้วยที่ออกเครือแล้วให้ถึงไส้แกนใน แล้วนำมาหั่นเป็นท่อนๆ ใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุง เก็บในตู้เย็น แช่ช่องผัก เวลาใช้ให้นำออกมา ครึ่งกิโลกรัม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆต้มกับน้ำ 2 ลิตร โดยต้มน้ำให้เดือดก่อนจึงหรี่ใช้ไฟอ่อน จากนั้นใส่แกนกล้วยในต้นกล้วยลงไป ต้มต่อให้เดือดด้วยไฟอ่อน 10 นาที ยกลง นำน้ำที่ต้มได้มาดื่ม

วิธีใช้
ดื่มครั้งละ 1 แก้วก่อน 30 นาทีก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น

หมายเหตุ
ท่านที่มีปัญหา ท้องอืด แน่นท้อง หลังรับประทานอาหาร ปวดท้อง ปวดเอว ถ่ายปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปัสสาวะขุ่นไม่ใส ปวดแข้ง ปวดขา หนักตัว ให้ดื่มต่างน้ำทั้งวัน วันละ 2 ลิตร โดยดื่มหลังตื่นนอน ตอนเช้า ก่อน 3 แก้ว จากนั้นทยอยดื่ม ส่วนที่เหลือ ก่อนอาหาร 30 นาที หลังอาหาร 40 นาที ดื่มทุกวันจนกว่าจะหายเป็นปรกติส่วนที่เป็นแกนในที่มีสรรพคุณทางยาคือส่วนของก้านดอกที่แทงออกมาเป็นปลีกล้วยนั้นเอง

Cr.น้าอ้วนบ้านเกษตรพอเพียงเพจ




สูตรทำน้ำกระชายดื่มช่วยบำรุงกระดูก



ประสาน ศรีนวลนัด

.........สูตรทำน้ำกระชายดื่มง่ายๆ ได้ทุกวัน.....( ผมคัดลอกบทความนี้มาอีกที ขอบคุณท่านเจ้าของบทความ)

..........กระชาย หรือกระชายเหลือง เป็นสมุนไพรที่ใช้กันในครัวเรือนมาช้านาน ทั้งในแกงป่า ผัดฉ่า น้ำยาขนมจีนฯลฯ เราจะได้กลิ่นและรสของกระชายปะปนอยู่ด้วยเสมอๆ และด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์ทางยาอย่างเหลือหลาย ทั้งช่วยให้การทำงานของไตดีขึ้น

......ปรับสมดุลฮอร์โมน บำรุงมดลูกและแก้อาการตกขาวผิดปกติ (ในเพศหญิง) แก้อาการไส้เลื่อนและป้องกันต่อมลูกหมากโต (ในเพศชาย) เสริมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการผมร่วง ผมหงอกขาวก่อนวัย ชะลอความแก่ มีแคลเซียมสูง จึงช่วยบำรุงกระดูก และยังมีสรรพคุณบำรุงร่างกายส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

............ดังนั้น หากได้กินกระชายอย่างสม่ำเสมอ น่าจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง เราจึงนำสูตรทำน้ำกระชายที่รสชาติดี ดื่มง่าย และมีประโยชน์มาฝากทุกท่าน

สูตรน้ำกระชาย
วัตถุดิบ
- กระชายเหลืองเหง้าสด ½ กก.
- น้ำเปล่าต้มสุก
- น้ำผึ้งแท้
- มะนาว

............ขั้นตอนการทำน้ำกระชาย

1. ล้างเหง้ากระชายให้สะอาด ตัดหัว ตัดท้ายทิ้งไป ขูดเปลือกออกด้วยก็จะยิ่งดีค่ะ จากนั้นก็หั่นเป็นแว่นบางๆ

2. นำกระชายมาใส่เครื่องปั่น เทน้ำต้มสุกลงไปกะให้พอดีๆ แล้วปั่นจนละเอียดค่ะ

3. เตรียมผ้าขาวบางมาปูบนกระชอนตะแกรงถี่ มีชามรองไว้ด้านล่างสุด แล้วให้เทกระชายปั่นใส่ผ้าขาวบาง คั้นเอาแต่น้ำ หากได้น้ำกระชายน้อย ให้เติมน้ำใส่กากกระชาย แล้วคั้นอีกรอบค่ะ

4. แบ่งน้ำกระชายคั้นไว้ 1 แก้ว แล้วชงน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวมาช่วยเพิ่มรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้น ปรุงได้ตามรสชาติที่ชอบเลยค่ะ ส่วนน้ำกระชายที่เหลือที่ยังไม่ได้ปรุงรส ให้กรอกใส่ขวด แช่เย็นไว้ แบ่งชงดื่มวันละ 1 แก้วหรือวันเว้นวันก็ได้ค่ะ

...........Tips: สูตรลับ ให้ดื่มในช่วง 15.00-17.00 น. จะได้ประโยชน์กับร่างกายสูงสุดเลยนะคะ
........คำเตือนเกี่ยวกับการดื่มน้ำกระชาย — กระชายเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากคุณกำลังเป็นไข้ หรือตัวร้อน ช่วงนั้นก็อย่าเพิ่งดื่มน้ำกระชายเข้าไปนะคะ จะทำให้ร่างกายร้อนเกินไปค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

กำจัดเห็บหมา

1.เอาเม็ดน้อยหน่ามาตำให้แตก

2.นำมาแช่ในแอลกอฮอล์หรือน้ำเปล่า  ทิ้งไว้สักครู่

3.นำมาชโลมบนตัวสุนัขหลังอาบน้ำเสร็จ

4.เช็ดตัวให้แห้ง

เห็บหมัดทั้งหลายหายหมด

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ยารักษาเบาหวาน-มะนาวมะกรูด

 ยารักษาเบาหวาน
นำมะกรูด 1 ผล มะนาว 2 ผล คั้นน้ำทานทุกวันหลังอาหารเย็นทันที ...



ยาฝรั่งที่กินหรือฉีดทานอย่างเดิม
 เพราะสมุนไพรมันจะค่อย ๆ ปรับเลือดจากมีกรดสูงเพราะน้ำตาลให้ลดลง
ให้มีสภาพความกรดลดลงเรื่อย ๆ

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

กล้วยอบน้ำผึ้งทอด

กล้วยอบน้ำผึ้งทอด

คิดไว้ว่าน่าลองทำ แต่่ังทำไม่เป็น 55555


กลัวยฉาบ ง่ายๆ

การทำกล้วยอบแห้ง

ฝานบางๆ เอาไปทอดก่อน

สะเด็ดน้ำมันให้แห้ง

เอาลงไปทอดในน้ำเชื่อมต่ออีก

หลังจากนั้นเอาไปอบต่ออีกที


การทำพริกอบแห้ง 

การทำพริกอบแห้ง
พริกที่จะนำมาตากแห้งต้องคัดเลือกเก็บผลแก่จัด มีสีแดง

บางเม็ดที่ยังไม่แก่ เม็ดเขียวๆ ควรนำมาสุ่มไว้ในเข่งประมาณ 2 คืน เพื่อบ่มให้สุกแดง แล้วจึงนำออกตากแดดให้แห้งสนิท

คัดเม็ดที่เน่าออกทิ้ง เดี๋ยวเสียราคา

เวลาตากอย่าให้พริกถูกฝน จทำให้เกิดโรครา ราคาตก


การลวกด้วยน้ำร้อน
คือ การนำพริกไปลวกน้ำร้อนก่อนน้ำไปตากแดง สัก15 นาที
จากนั้นจึงนำพริกที่ลวกน้ำร้อนไปตากแดดประมาณ 5 แดด
จะทำให้สีของพริกแห้งสวย และไม่ขาวด่าง




การทำกล้วยตากแห้ง

การทำกล้วยตากแห้ง
วัตถุดิบ
1. กล้วย(น้ำว้า)สุก 1000 กรัม
2. สารละลายโซเดียมเมตาไบซัลไฟท์ร้อยละ0.1 1 ลิตร

วิธีการทำเริ่มจาก
1. ล้างน้ำ ปอกเปลือก แช่ในสารละลายโซเดียมเมตาไบซัลไฟท์ร้อยละ 0.1 นาน 30 นาที
2. ตากในตู้อบลมร้อนไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง หรือ ตากแดดนาน 2-3 วัน
3. ทับให้แบนจนผิวกล้วยตึง แล้วตากต่อไปจนแห้ง
4. บรรจุในภาชนะสะอาด แห้ง และปิดฝา

หมายเหตุ
 ถ้าจะให้มีรสหวานอาจชุบน้ำผึ้งก่อนตาก


วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีล้างไตแบบง่ายๆ

วิธีล้างไตแบบง่ายๆ
ไตมีหน้าที่กรองเกลือส่วนเกินในอาหาร รวมทั้งสารพิษที่มาใน
อาหารและอื่นๆปีแล้วปีเล่า
ดังนั้นถึงเวลาในการทำความสะอาดอวัยวะที่เรียกว่า"ไต"
กันเสียที ด้วยเรื่องง่ายๆไม่เกิน 100 บาทก็ทำได้แล้ว
โดยการนำ"ผักชี"มาล้างทำความสะอาดและสับให้ละเอียด
หลังจากนั้นนำไปต้มประมาณ 10 นาที และกรองเอาแต่น้ำ
แช่ตู้เย็น กินวันละ 1 แก้วใหญ่
หรือหากใครนำมาปั่น อาจจะปั่นสดๆดื่มทันทีตอนเช้าก็ได้
แค่นี้คุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง โดยการที่ไตคุณ
ถูกล้าง สังเกตได้จากปัสสาวะที่ถูกถ่ายออกมาและความรู้
สึกสดชื่นอย่างที่ไ่ม่เคยเป็นมาก่อน


เทคนิคการปลูกเห็ดง่ายๆทำที่บ้านได้

เกษตรสวนกระเเส



เทคนิคการปลูกเห็ดง่ายๆทำที่บ้านได้
เทคนิคการปลูกเห็ดบดในขอนไม้ ด้วยวิธีการตั้งเอียง (วางใต้ร่มไม้ ไม่ต้องมีโรงเรือน ตัวอย่างใช้ขอนไม้กระบาก)
ส่วนประกอบ
เชื้อเห็ดบด ในถุงก้อนเชื้อขื้เลื่อยหรือในขวดแบน (ขวดเหล้าแบน)
ขอนไม้เนื้อเเข็ง เช่นต้นจิก เต็งรัง ตะเคียน กระบาก ฯลฯ ขอนไม้เนื้ออ่อน เช่น แค มะม่วง นนทรี งิ้ว นุ่น ขนุน ก้ามปู ทองกวาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-10 นิ้ว หรือมากกว่าก็ได้ถ้ามีไม้ และยาว 0.8 - 1.2 ม. ตัดมาใหม่ๆหรือทิ้งไว้ไม่เกิน 7 วัน (ไม้ที่มียางควรทิ้งไว้ก่อน 7 วัน)
สว่าน ค้อนเจาะรู หรือปะเก็นสำหรับเจาะรู ขนาด 5-6 หุน
ฝาหรือจุกพลาสติกปิดรูที่เจาะ (เก็บเห็ดได้ 3-4 ครั้ง แกะเอามาใช้ใหม่ได้) หรือใช้กิ่งไม้เล็กตอกปิดรูเจาะ หรือปิดรูด้วยขี้ผึ้งเหลือง (ลนไฟให้อ่อนก่อน)
วิธีทำ

เตรียมเชื้อเห็ดที่ต้องการเพาะ โดยเป็นเชื้อที่มีเส้นใยเห็ดเจริญเต็มถุงหรือเต็มขวด
เตรียมขอนไม้ตามจำนวนที่ต้องการ ระวังอย่าให้เปลือกช้ำ ถ้าช้ำใช้ปูนขาวหรือปูนกินหมากชุบน้ำทา ถ้ามีกิ่งเล็กๆติดมาให้ตัดทิ้งและใช้น้ำปูนขาวชุบน้ำทา
เจาะรูลึก 1.5-2 นิ้ว ห่างกันประมาณ 10 ซม. (ประมาณ 1 คืบ) เจาะเป็นแถว โดยแต่ละแถวห่องกัน 6-7 ซม. เจาะให้มีลักษณะเป็นแถวสลับฟันปลา
ใส่เชื้อเห็ดลงไปให้เต็มรูเจาะ โดยใช้ลวดแข็งๆ ที่สะอาดและลนไฟฆ่าเชื่อแล้ว เขี่ยตีเชื้อให้ละเอียดแล้วค่อยๆเทใส่รู จากนั้นใช้ตะเกียบที่สะอาดและลนไฟฆ่าเชื่อแล้วกระทุ้งเชื่อเห็ดที่ใส่ในรู ให้เชื่ออัดค่อนข้างแน่น แล้วตอกอุดรูด้วยการตอกจุกยางปิดให้แน่น หรือปิดด้วยกิ่งไม้หรือใช้ขี้ผึ้งเหลืองลนไฟให้อ่อนเพื่อปิดรู
ทำการบ่มเชื้อเห็ดในขอนไม้ เพื่อให้เชื้อเห็ดเจริญเต็มท่อนไม้โดยวางในที่ร่มหรือใต้ร่มไม้ วางเอียงในราวไม้ ประมาณ 45 องศา (อีกเเบบวางซ้อนสลับกัน )ให้แต่ละท่อนห่างกัน 1-2 ซม. ใช้เวลาบ่มเชื้อ 1-2 เดือน(ขึ้นกับขนาดของไม้)
หลังจากครบกำหนดบ่มเชื่อแล้ว นำท่อนไม้ไปแช่น้ำไว้ 1 วัน 1 คืน จึงนำขึ้นมา เอาค้อนทุบตรงหัวไม้ให้เนื้อเยื่อของไม้ขยายตัว และอากาศเข้าไป เป็นการกระตุ้นให้เห็ดออกดอกเร็วขึ้น
นำเข้าโรงเรือนเปิดดอก หรือวางไว้ใต้ต้นไม้โดยวางพิงราว ให้ท่อนไม้เอียงประมาณ 45-70 องศา รดน้ำวันละ 2 ครั้ง ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องรด เห็ดจะทยอยออกดอกออกมาเรื่อยๆ และเก็บได้นานจนขอนไม้ผุประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่าถ้าเป็นขอนไม้ใหญ่..
cr.ภาพสวนหลังบ้าน คุณปิยะพงษ์ เสนสิทธิ์ ผู้ช่วยนักวิชาการเกษตร อบจ.สกลนค


ยาพ่น "มะกรูด" แก้ปวดเมื่อย

วิธนดิษย์ พันธเลิศฤทธิ์

ยาพ่น "มะกรูด" แก้ปวดเมื่อย!!!

ปล. เคยโพสไปมีคนทำใช้ได้ผลดีด้วย...

ตามสัญญาครับ ว่าจะแจกสูตรยาพ่นแก้ปวดเมื่อย จะได้ทำใช้เอง ได้ผลดีครับ!!
ปรกติหมอมีสูตรยาพ่นคลายกล้ามเนื้ออยู่ซึ่งใช้ได้ดีมากๆกับอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ แต่สูตรทำยากซับซ้อนมากๆ แต่สูตรนี้ง่ายครับ ได้ผลดีไม่แพ้กัน!!!

สูตรนี้ได้จากพ่อครู พ่ออุ้ยสอน หมอเมืองน่าน ที่สั่งสอนมาว่าให้ทำไว้ใช้ และทำไว้ทำบุญ หากใครทำแล้วก็เผื่อคนเฒ่าคนแก่ที่รู้จักสักขวด หรือทำถวายพระนะครับ คำพ่ออุ้ยขอ^^ จะเป็นกุศลต่อตัวท่าน ต่อคนให้สูตร และคนเผยแผ่สูตรด้วยครับ

สูตรยาพ่นมะกรูด แก้ปวดเมื่อย
1. แอลกอฮล์(ใส่แผล,เหล้า,กี่%ก็ได้)
2. ผิวมะกรูดสด
3. ข่าแก่สด
4. ขิงแก่สด

นำผิวมะกรูด,ข่า,ขิงหนักเท่าๆกันซอยเล็กๆ ตำๆนวดๆ เล็กน้อยให้กลิ่นหอมและกระตุ้นน้ำมัน ใส่ในภาชนะปิดสนิท เติมแอลกอฮอล์ให้ท่วมยาขึ้นมาสัก 2 ข้อนิ้ว หมักทิ้งไว้ขั้นต่ำ 15 วัน(ยิ่งนานยิ่งดี) เขย่าบ่อยๆ ครบกำหนดกรองเก็บใส่ขวดพ่น เก็บไว้ได้นาน 1 ปีครับ

หากต้องการให้เป็นสูตรเย็น หอมชื่นใจ เติมพิมเสนน้ำ(มีขายตามท้องตลาด) ในปริมาณ 15% ของยาพ่นเช่น หากกรองยาพ่นได้ 85 cc. ก็ใส่ พิมเสนน้ำ 15 cc. ลงไปผสมเป็นต้น

หรือถ้าอยากให้ตัวยาไม่ระเหยเร็วเกินไป ต้องการให้สารสำคัญรักษากล้ามเนื้อให้นานๆก่อนที่จะระเหยไปก่อน ให้เติมกลีเซอรีนในสัดส่วน
ยาพ่น:กลีเซอรีน = 5:1 ครับ
ผสมกัน แต่ไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ

สูตรยาพ่นนี้ ใช้พ่นกล้ามเนื้อหลัง เอว ขา หรือปวดคอบ่าไหล่ก็ได้ครับ ปวดเข่า ปวดข้อยังได้เลยครับ พ่ออุ้ยบอกว่าหากใช้เหล้าขาวจะได้ยาดี แต่ผมว่ากลิ่นแรงไปหน่อยครับ^^

ยาพ่นแก้ปวดเมื่อยตามท้องตลาดมีราคาแพงครับ เราทำเองเสียไม่ถึง 100 บาทแน่นอน ใช้ได้ทั้งบ้าน แถมยังทำเผื่อคนอื่นได้กุศลอีก ยังไงอยากให้ลองทำกันนะครับ แจกสูตรไปแล้ว อยากให้เกิดประโยชน์นะครับ

ช่วยบอกต่อๆกันนะครับ share ได้เลย เจ้าของสูตรอยากให้คงสูตรอยู่ ไม่สูญหาย

ขอบคุณความเมตตาจากพ่ออุ้ยสอนครับ
หมอศุภ



วิธีทำจุลินทรีย์หน่อกล้วย

จุลินทรีย์หน่อกล้วยสูตรหัวเชื้อ

กล้วยปลูกที่ไหนดินบริเวณกอกล้วย ณ นั้น จะดี เบื้องหลังความร่วนซุยอุ้มน้ำของดินดังกล่าวเกิดจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ดินรอบๆ รากกล้วย

ซึ่งหากขยายเชื้อให้มากแล้ว ย่อมนำไปใช้ปรับปรุงดินในที่อื่นๆให้ดีขึ้นได้

หน่อกล้วย มีน้ำยางฝาดหรือสารแทนนินมาก เมื่อหมักแล้วน้ำหมักที่ได้ยังสามารถนำมาใช้ในการควบคุมโรคพืชบางอย่างได้

สามารถนำไปใช้ปรับปรุงสภาพน้ำที่เน่าเสียให้ฟืนสภาพกลับดีได้อีกด้วย

ส่วนผสม
1. หน่อกล้วยสับบดละเอียด 3 กก.
2. กากน้ำตาล 1 กก.

วิธีทำ
ขุดหน่อกล้วยต้นสมบูรณ์ที่ไม่เป็นโรคขนาดหน่อใบธงหรือใบหูกวางสูงไม่เกิน 1 เมตรเอาเหง้าพร้อมรากที่มีดินติดรากขึ้นมาด้วย

สับหรือบดให้ละเอียดโดยไม่ต้องล้างน้ำ

นำมาคลุกเคล้ากับกากน้ำตาลในอัตราส่วนเป็นน้ำหน่อกล้วย 3 ส่วนต่อกากน้ำตาล 1 ส่วนเช่นหน่อกล้วย 3 กิโลใช้กากน้ำตาล 1 กิโล ถ้าหน่อกล้วย 6 กิโล ใช้กากน้ำตาล 2 กิโล

หมักในภาชนะพลาสติกมีฝาปิดเก็บไว้ในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจากนั้นคนเช้าเย็นทุกวันจนครบ7 วันแล้วคั้นเอาน้ำออกเก็บไว้ได้นาน 6 เดือน ในกรณีต้องการใช้มากให้ขยายเชื้อโดยใช้สูตรขยาย

จุลินทรีย์หน่อกล้วยสูตรขยาย
ส่วนผสม
1.หยวกกล้วยสับบดละเอียด 60 กก.
2. กากน้ำตาล 20 กก.
3. น้ำ 10 ลิตร
4. ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ก้อน
5. หัวเชื้อ 1 ลิตร
วิธีทำ
ผสมส่วนต่างๆในถังพลาสติก โดยบี้ลูกแป้งข้าวหมากให้เป็นผงเสียก่อน
ต้นกล้วยใช้เฉพาะส่วนของต้นที่ใหญ่หรือตัดเครือแล้ว สับบดย่อยหรือโขลกให้ละเอียดก่อนใส่
 คนให้เข้ากันปิดฝาเก็บในที่ร่มอากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้นคนเช้าเย็นจนครบ 7 วัน จึงคั้นเอาแต่น้ำเก็บไว้ซึ่งใช้ได้ดีเช่นเดียวกับ หัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย

ประโยชน์และวิธีใช้
1.ใช้ปรับปรุงโครงสร้างของดินและกำจัดเชื้อโรคในดินผสมจุลินทรีย์หน่อกล้วยในอัตรา 20 -40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ราดลงบนดินรวมไปพร้อมกับการให้น้ำ
2. ใช้ป้องกันกำจัดโรคพืช ผสมจุลินทรีย์หน่อกล้วย 10 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดต้นพืชให้เปียกชุ่มโชกทั่วทั้งใบและใต้ใบเพื่อล้างน้ำฝนภายหลังจากที่ฝนหยุดตกนานเกิน 30นาทีเพื่อป้องกันโรคที่มากับน้ำ หรือฉีดพ่นใน20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตรเมื่อพบการระบาดของโรคพืชทั้งเว้นการให้น้ำ 48 ช.ม. เพื่อลดความชื้น
3. ใช้ปรับปรุงคุณภาพน้ำในร่องสวนสระเก็บน้ำและบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำใส่จุลินทรีย์หน่อกล้วย 10 ลิตร ต่อน้ำ 10,000 ลิตร
4. ล้างทำความสะอาดคอกสัตว์ฉีดพ่นจุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตรต่อน้ำ 100 ลิตร
5. เร่งการย่อยสลายเศษซากอินทรีย์วัตถุหรือดับกลิ่นขยะของเน่าเสียให้ฉีดพ่นจุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตรต่อน้ำ 100 ลิตรกรณีหมักฟางข้างในแปลงนาใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ลิตรต่อพื้นที่นา 1 ไร่
6. จุลินทรีย์หน่อกล้วยเก็บไว้ใช้ได้นาน 6 เดือน
หมายเหตุ กรณีฉีดพ่นหรือราดลงดินโดยไม่ให้ถูกใบพืชสามารถใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วย1 ลิตร ต่อน้ำ 200ลิตรเพื่อปรับโครงสร้างของดินแต่การใช้แต่ละครั้งไม่ควรเกิน 5 ลิตรต่อ 1 ไร่

เครดิต  ก็กอบต่อๆกันมาครับ เก็บไว้เป็นวิทยาทานต่อไป ขอให้เกษตรกรไทยจงเจริญ


ประโยชน์ขอบกกิ้งโซดาหรือ โซเดียมไบคาบอเนตหรือผงฟู


ประโยชน์ขอบกกิ้งโซดาหรือ โซเดียมไบคาบอเนตหรือผงฟู 61 ข้อ

1.หากมีอาการเจ็บคอ ให้ผสมเบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุกๆ 4 ชั่วโมง ก็จะช่วยลดอาการเจ็บคอที่เกิดจากกรดได้ 2.ใช้รักษาแผลในช่องปาก ให้ใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาผสมลงในน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุกๆ 4 ชั่วโมง
3.ช่วยทำให้เรอ ด้วยการใช้ผงฟูนำมาผสมกับน้ำดื่ม จะช่วยทำให้เรอและแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้
4.โซเดียมไบคาร์บอเนตสามารถนำมารับประทานเพื่อช่วยในการลดกรดในกระเพาะอาหารได้
5.ช่วยบรรเทาอาการของลมพิษ ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดานำมาผสมกับน้ำ 2-3 หยด (พอให้ได้เป็นแป้งเปียก) แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นผื่นเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและแก้อาการคัน
6.หากถูกแมลงกัดต่อย ก็ให้ใช้เบกกิ้งโวดาผสมกับน้ำ แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น ก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
7.ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมลงในน้ำอุ่นสำหรับอาบ แล้วนำมาอาบก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้
8.หากเป็นฮ่องกงฟุต (อาการคันตามง่ามเท้าเพราะติดเชื้อรา) ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำให้พอเหนียว แล้วนำมาทาที่เท้า หลังจากนั้นให้ล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง แล้วปิดท้ายด้วยการนำแป้งข้าวโพดมาทาบริเวณที่คันอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดอาการคันและอาการแสบร้อนตามง่ามนิ้วเท้าได้
9.ช่วยทำให้ผิวเนียนใส ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำข้าวโอ๊ต นมสด และน้ำผึ้งนำมาขัดเบาๆ เพื่อผิวที่สะอาดใสขึ้น (จะขัดส่วนไหน ส่วนนั้นต้องเปียกน้ำก่อน ส่วนไหนบอบบางก็ให้ขัดเบาๆ และให้ทำเป็นประจำนะครับ แต่ไม่ต้องถึงขนาดต้องทำทุกวันนะครับ))
10.ใช้ทำสครับขัดหน้าได้ดี สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ, และน้ำสด 2 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมรวมกันใช้ขัดผิวหน้าเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ จะช่วยทำให้หน้าใสได้ ส่วนสูตรที่ 2 ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 1 ส่วน โดยผสมกันให้ได้เปียกๆ แล้วนำมาขัดผิวหน้าเบาๆ จนสะอาด
11.ใช้ทำสครับขัดผิว ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือ 1/2 ถ้วย, น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ, และมะนาว 1 ลูก แล้วนำมาผสมกัน ใช้ขัดผิวในระหว่างอาบน้ำ
12.ใช้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้สดใสมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน นำมาผสมกันใช้เช็ดถูบริเวณที่ต้องการ แล้วค่อยล้างออก
13.มีบางท่านใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อกำจัดสิวเสี้ยน โดยใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำแล้วเอามาขัดเบาๆ ที่จมูกไปเรื่อยๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยทำให้สิวเสี้ยนจางลงได้
14.ใช้ทำน้ำยาระงับกลิ่นปาก สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แล้วนำมาใช้บ้วนปากจะช่วยดับกลิ่นปากได้ ส่วนสูตรที่สองให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำ 1 แก้ว จะช่วยดับกลิ่นกระเทียมได้ แต่ถ้าใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 แก้ว และผสมกับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะก็ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้เช่นกัน
15.ช่วยทำให้ฟันขาว ขจัดคราบชาหรือกาแฟ ลดหินปูน ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา แล้วใช้แปรงสีฟันจุ่มลงไป นำมาใช้ขัดฟันเบาๆ แล้วบ้วนน้ำเปล่าจนสะอาด จะช่วยกำจัดคราบชาหรือกาแฟได้ครับ แต่ห้ามทำเวลาป่วยนะครับ เนื่องจากมะนาวมีความเป็นกรดสูงอาจไปทำลายเคลือบฟันได้
16.ใช้ทำสปาเท้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์, และน้ำอุ่นใส่ในกะละมังสำหรับแช่เท้า เมื่อแช่เท้าแล้วจะทำให้รู้สึกสบายเท้า ช่วยฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเท้า และความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้อีกด้วย
17.ช่วยทำให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาประมาณหนึ่งหยิบมือผสมลงในชามน้ำอุ่น แล้วแช่มือไว้ในนั้นประมาณสองสามนาที ก่อนจะล้างน้ำให้สะอาด จะช่วยให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้นได้
18.ใช้ทำความสะอาดเส้นผม ด้วยการผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนชาเข้ากับแชมพูสระผมตามที่คุณใช้ปกติ เพื่อช่วยขจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งผม (วิธีนี้จะได้ผลดีเป็นพิเศษกับผมเส้นเล็ก)
19.ลองเปลี่ยนจากแชมพูมาใช้เบกกิ้งโซดาแทนดูสักครั้ง รับรองเลยว่าจะช่วยทำให้รังแคของคุณน้อลงอย่างทันตาเห็น
20.ใช้หมักเนื้อหมูให้นุ่ม ให้ใส่เบกกิ้งโซดาเพียงเล็กน้อย (ใส่มากเกินไปจะมีกลิ่นของสารเคมี) แล้วหมักหมูก็จะทำให้เนื้อนุ่มได้
21. ถ้าอยากได้ไข่เจียวฟูหอมอร่อยน่ารับประทาน ก็ให้ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปครึ่งช้อนต่อไข่ 3 ฟอง ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟูน่ารับประทาน
22.การทำขนมปังให้ฟูน่ารับประทาน จะนิยมใช้ผงฟูหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตมาใช้ในการทำขนมปังแทนการใช้ยีสต์ เพราะเมื่อผงฟูผสมกับน้ำก็จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เช่นเดียวกับการใช้ยีสต์ แต่ผลเสียของผงฟูก็คือ หากใส่มากเกินไปก็จะทำให้มีรสเฝื่อนขม และการฟูของขนมปังก็จะหยาบกว่าการใช้ยีสต์ แต่มีข่อดีก็คือ ใช้ได้ง่ายกว่าและเก็บรักษาไว้ได้นานกว่า
23.เค้กกล้วยหอมถ้าจะทำให้ฟูนุ่มน่ารับประทาน ก็ต้องใช้เบกกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม
24.ใช้ดับไฟในกระทะ ในกรณีที่มีน้ำมันกระเด็นติดไฟในขณะทำอาหาร หรือว่าไฟติดกระทะ หากเราใช้น้ำเทลงไปบนน้ำมันที่ร้อนๆ จะทำให้ไฟลุกมากยิ่งขึ้น (เนื่องจากน้ำมันกระจาย) แต่ถ้าเราใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปตรงๆ เบกกิ้งโซดาเมื่อถูกความร้อนก็จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จึงช่วยทำให้ไฟลดน้อยลงได้
25.ใช้ทำความสะอาดผักและผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย (รอให้ส่วนผสมเย็น) แล้วนำมาใช้ล้างผักผลไม้ โดยนำมาแช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ผักผลไม้ดูสะอาดน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
26.ใช้ทำเป็นน้ำยาล้างสารพิษจากผักผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษตกค้างจากผักได้ถึง 90% (หากล้างไม่สะอาด การได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากจนเกินไปก็อาจทะให้ท้องเสียได้)
27.ใช้ทำเป็นน้ำยาขจัดคราบในกาน้ำชาที่เป็นโลหะ ด้วยการเติมน้ำลงในกาน้ำชา แล้วเติมเบกกิ้งโซดาตามลงไป 2 ช้อนโต๊ะ และให้บีบน้ำมะนาวลงไปอีกครึ่งลูก แล้วนำไปต้มประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วนำมาขัดและล้างให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง
28.ใช้ล้างจานก็ได้ เพราะผงฟูสามารถขจัดกลิ่นและคราบมันได้ดี ด้วยการใช้ผงฟูเทแล้วใช้ฟองน้ำขัดล้าง หรือจะผสมผงฟูกับน้ำแล้วเอาฟองน้ำจุ่มล้างจานก็ได้
29.ใช้ทำน้ำยาทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่นอีก 1 ลิตร แล้วนำมาผ้ามาชุบแล้วเช็ดทำความสะอาดภายในเตาไมโครเวฟ คราบสกปรกก็จะเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย 30.ช่วยขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่อของอ่างล้างจาน (หากปล่อยไว้นานจะทำให้ท่ออุดตันได้) ก็ให้ใช้เกลือแกงใส่ลงไปในท่อประมาณ 2-3 ช้อน จากนั้นให้นำเบกกิ้งโซดาไปต้มกับน้ำให้เดือดแล้วเทลงไปในท่อ ไขมันที่อุดตันอยู่ก็จะหลุดออกมาหมด
31.ใช้ทำความสะอาดเขียง ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำแล้วนำมาใช้ทำความสะอาดเขียง วิธีนี้จะช่วยขัดกลิ่นคาวบนเขียงได้
32.ใช้ขจัดรอยไหม้ตามกระทะหรือหม้อ ด้วยการเอาเครื่องครัวเหล่านั้นนั้นมาแช่ด้วยน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาประมาร 15 นาที แล้วค่อยล้างออก วิธีนี้จะช่วยทำให้รอยไหม้จางลงได้
33.ใช้แก้ปัญหาท่ออุดตันด้วยคราบไขมันในอ่างล้างจาน ด้วยการใช้เกลือนำมาโรยรอบๆ ขอบท่อ จากนั้นให้นำน้ำยาเบกกิ้งโซดา 10 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน 1 ขวดลิตร แล้วค่อยๆ ลงไป เกลือและน้ำยาจะช่วยทำให้คราบไขมันหลุดออกได้โดยง่าย และให้ทำซ้ำอีกประมาณ 2-3 รอบ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าอีกครึ่งหนึ่ง
34.ใช้ทำเป็นครีมลบรอยขูดขีดบนเครื่องครัว ด้วยการละลายเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร แล้วทำความสะอาดเครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส โครเมียม พลาสติก ฟอร์ไมก้า (ยกเว้นอะลูมิเนียม) จะทำให้ริ้วรอยเลือนหายไป
35.ใช้เช็ดทำความสะอาดเตารีด ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำผสมกับเบกกิ้งโซดาแล้วบิดให้พอหมาด หลังจากนั้นนำไปเช็ดใต้เตารีดหรือเครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส หรือโครเมียม จะช่วยทำความสะอาดได้หมดจดและไม่เกิดไม่เกิดรอยขูดขีด
36.ใช้ทำความสะอาดเครื่องปิ้งขนมปัง ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดาโรยบนผ้าเปียก แล้วเอามาเช็ดตรงตะแกรง ก็จะช่วยทำให้เครื่องปิ้งขนมปังของคุณกลีบมาสะอาดได้เหมือนเดิม
37.ผงฟูมีอนุภาคเล็กเป็นรูปทรงผลึกที่อ่อนนุ่ม จึงนำมาใช้ในการขัดถูได้ดี อีกทั้งยังช่วยดูดกลิ่นเหม็น ความชื้น ฆ่าเชื้อโรค ปรับค่าความเป็นกรดด่าง และไม่กัดกร่อนผิวภาชนะ จึงสามารถนำมาใช้ทำบ้านเรือนได้อย่างดี เช่น ใช้ทำ ความสะอาดหน้าต่างก็ให้ขจัดคราบสกปรกบนขอบและบานหน้าต่างด้วยฟองน้ำเปียกๆ ก่อนแล้วโรยด้วยผงฟูเล็กน้อย แล้วล้างด้วยฟองน้ำและเช็ดให้แห้ง
38.ถ้าใช้ล้างหน้าต่างบานเกล็ดก็ให้ใช้น้ำอุ่นที่ผสมกับผงฟู 3/4 ถ้วยตวง ราดน้ำให้เปียกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วใช้แปรงขัดออก ถ้าใช้ล้างหน้าต่างอลูมิเนียม ก็ให้ใช้แปรงเปียกๆ จิ้มลงในผงฟูแล้วเอามาขัดออก และใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มๆ ล้างให้สะอาด หรือถ้าใช้ทำความสะอาดงานไม้ ฝาหนัง หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ก็ได้เช่นกัน (ใช้ผงฟูผสมกับน้ำส้มสายชูและน้ำอุ่น) ถ้ามีรอยด่างเป็นวงหรือรอยจุกบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ หากเกิดความร้อนบางครั้งก็อาจขัดออกได้ด้วยการผสมกับยาสีฟันและผงฟูอย่างละเท่ากัน แล้วใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดออกอย่างเบาๆ และยังใช้ในผลิตภัณฑ์ขัดเงาได้อีกด้วยหากจำเป็น นอกจากนี้ยังใช้ขจัดคราบหยดน้ำบนพื้นไม้ได้อีกด้วย ด้วยการใช้ผงฟูกับผ้าขี้ริ้วหมาดๆ แล้วเช็ดออก แต่จงจำไว้ว่าเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ไม่ควรทำให้เปียก
39.ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีคราบสกปรก (สำหรับพื้นผิวแข็งๆ เช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ) ให้ละลายเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาด แล้วค่อยล้างออกอีกครั้งหนึ่ง
40.ในกรณีที่มีคราบสกปรกที่ทำความสะอาดได้ยาก ก็ให้ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากันจนข้นเป็นแป้ง แล้วนำมาพอกทิ้งไว้บริเวณที่คราบสกปรกประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยเช็ดออก หรือจะใช้ฟองน้ำเปียกๆ เช็ดผงฟูเพื่อใช้เช็ดคราบสีเทียนที่ติดบนผนัง ดินสอ ปากกามาร์คเกอร์ รวมทั้งคราบน้ำมันได้ด้วย โดยให้เช็ดถูเบาๆ แต่ถ้าเป็นคราบน้ำหมักที่ติดบนเสื่อน้ำมัน ก็ให้ใช้ผงฟูข้นๆ ป้ายบริเวณรอยหมึกทิ้งไว้จนแห้งสักครู่ก่อนจะเช็ดออก แล้วใช้ผงฟูใหม่ๆ ขัดออกอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าใช้เพื่อเช็ดถูคราบสกปรกที่เกิดจากรอยลากไปมาบนพื้นเสื่อน้ำมัน ก็ให้ใช้ผงฟูผสมกับน้ำเปียกๆ ข้นๆ แล้วนำมาเช็ดถูบริเวณที่เป็นรอย
41.ใช้ทำความสะอาดคราบที่เกิดจากกรด (กรดจากแบตเตอรี่ ปัสสาวะ หรือคาบอาเจียน) อย่างแรกให้ทำความสะอาดด้วยการใช้น้ำเย็นซะออกแรงๆ โดยทันทีถ้าเป็นไปได้ จากนั้นจึงทำให้เกิดสภาพความเป็นกลางโดยใช้ผงฟู
42.หากใช้ผงฟูสัก 1 ถ้วยตวง เทลงในโถส้วมหรือท่อน้ำทิ้งเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง ก็จะช่วยคงสภาพความเป็นกรดและด่างได้ เพราะสภาพความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมจะช่วยทำให้แบคทีเรียแตกตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการตกค้างและการอุดตันได้ 43.ใช้ทำความสะอาดผนังที่มีคราบเขม่าควันดำ (ใช้เศษผ้าชื้นๆ และผงฟูละลายเข้มข้น นำมาเช็ดถู) หรือใช้ทำความสะอาดเครื่องประดับลวดลายลูกไม้ประเภทต่างๆ
44.ใช้ทำความสะอาดแป้นพิมพ์ดีด ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนอ่อนๆ ขัดโดยใช้ผงฟู 4 ช้อนโต๊ะที่ละลายกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นให้ใช้กระดาษชำระเช็ดออก
45.การใช้ผงฟูอย่างสม่ำเสมอยังช่วยป้องกันไม่ให้แทงค์คอนกรีตหรือแทงค์ที่ทำจากโลหะผุกร่อนได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะในบริเวณของฝาแทงค์ที่ต้องสัมผัสกับไอระเหยที่ผุกร่อนได้ง่าย
46.เราสามารถใช้ผงฟูผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยให้เปียกข้น แล้วนำมาใช้อุดรูตามผนังที่มีรอยปูนแตกร้าว เพื่อซ่อมแซมเป็นการชั่วคราวได้ เพราะถ้ามันแห้งแล้วจะดูกลมกลืนเข้าไปกับฝาผนังปูนพลาสเตอร์ขาว
47.ใช้ทำน้ำยาดับกลิ่นพรม ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย นำมาผสมกับแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปประมาณ 15 หยด จากนั้นนำมาใส่ขวดสเปรย์ใช้ก่อนนำมาใช้ฉีดบนพื้นพรมก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้า จะช่วยทำให้กลิ่นพรมสะอาดสดชื่นขึ้น หรืออีกวิธีให้โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่ว แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น
48.ใช้ทำความสะอาดพรม ด้วยการใช้ผงฟูผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน หรือจะนำมาซักในถุงน้ำก็ได้ แต่ถ้าจะทำความสะอาดเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกโดยการแปรงด้วยมือ ก็ให้โรยผงฟูเล็กน้อยลงบนคราบ ทิ้งไว้สักครู่ก่อนจะเช็ดออกด้วยฟองน้ำหรือผ้าโดยเฉพาะ
49.หากพรมเปื้อนคราบน้ำมัน ให้เทน้ำที่ผสมกับเบกกิ้งโซดาลงไปตรงบริเวณที่เป็นคราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง คราบก็จะจางลง หลังจากนั้นให้ใช้น้ำผสมกับเบกกิ้งโซดาเช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครึ่งหนึ่ง หรือถ้าใช้ขจัดคราบไวน์หรือคราบสกปรกมันบนพรม ก็ให้ใช้ผงฟูโรยบางๆ ทันทีที่มีรอยเปื้อน ทำซ้ำหรือค่อยๆ เติมผงฟูใหม่อีกครั้งถ้าจำเป็น แล้วทิ้งไว้สักพักจนกว่าผงฟูจะดูดซับคราบสกปรก แล้วค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด
50.ใช้ทำเป็นน้ำยาทำความสะอาดเครื่องสุขภัณฑ์ ด้วยการเทเบกกิ้งโซดา 1/2 กล่อง ลงในถังน้ำหลังชักโครกทิ้งไว้ 1 คืน แล้วจึงค่อยกดชักโครก จะช่วยทำให้ถังและชักโครกสะอาดและปราศจากกลิ่นได้
51.หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการหมักหมมมานาน ให้นำเบกกิ้งโซดามาโรยในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นมาใส่ในถุงพลาสติดรัดให้แน่น แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นประมาณ 1-2 คืน (-_-”) แล้วค่อยนำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง หลังจากนั้นนำรองเท้าไปสลัดผงเบกกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วนำมาสวมใส่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่นำมาสวมใส่ทันทีก็ให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนจนกว่าจะนำมาสวมใส่ หรือจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขยำเป็นก้อนๆ มาใส่ไว้ในรองเท้าอีกก็ได้ (หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่นและยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงอีกด้วย)
52.ช่วยแก้ปัญหากลิ่นในรถ และกลิ่นบุหรี่ในรถ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดานำมาโรยลงไปที่ก้นที่ใช้เขี่ยบุหรี่ในรถ เบกกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่นได้ แต่ก็ต้องนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทขี้เถ้าทิ้ง แล้วให้โรยผงเบกกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอๆ
53. ใช้ดับกลิ่นอับในตู้เย็น ตู้กับข้าว ตู้รองเท้า ห้องทาสีใหม่ หรือใช้ในโรงงาน เพื่อขจัดกลิ่นสี กลิ่นสารระหาย กลิ่นน้ำยาต่างๆ ฯลฯ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดานำมาเปิดฝากล่องด้านบนออกให้หมดหรือเทใส่ถ้วย แล้วนำมาทิ้งไว้ด้านในสุดของตู้เย็น (เปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน) เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นอับในตู้เย็นได้ แต่ถ้าเป็นตู้กับข้าว ตู้รองเท้า ห้องทาสีใหม่ ฯลฯ ก็ให้เทใส่จานหรือถาดหรือนำไปโปรยในบริเวณที่มีกลิ่นเหม็นอับ (ปิดห้อง ปิดตู้ให้สนิทด้วยละครับ) แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้มันดูดกลิ่นประมาณ 1-2 วัน
54.ใช้กำจัดกลิ่นเหม็นอับตกค้างบนไม้ถูพื้นหรือไม้กวาด ด้วยการนำไม้ถูพื้นมาแช่ในน้ำ 1 ถัง ที่ละลายกับผงฟู 4 ช้อนชา แต่ให้แช่หลังจากที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกไปแล้ว หลังแช่เสร็จให้นำมาตากให้แห้ง
55.ใช้ดับกลิ่นแมว ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปใน Litter box หรือห้องน้ำของแมว ก่อนที่จะใส่ Litter หลังจากนั้นทุกครั้งที่จะทำความสะอาด Litter box พอตักอึแมวไปแล้วก็ให้เอาเบกกิ้งโซดาโรยนิดๆ ที่บ้านเพื่อเป็นการกลบกลิ่น
56.ใช้ดับกลิ่นอับของเสื้อผ้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยหรือประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับผงซักฟอกชนิดน้ำในปริมาณที่จะใช้ แทนที่เราจะใช้สารฟอกขาวชนิดคลอไรด์ 1 ถ้วยเต็มๆ แต่เราสามารถใช้เบกกิ้งโซดาเพียงครึ่งถ้วยเพื่อใช้แทนได้ แต่ถึงเบกกิ้งโซดาจะใช้ซักเสื้อได้ แต่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับผงซักฟอก เบกกิ้งโซดาจึงเป็นเพียงส่วนเสรมที่นำมาใช้ทำให้ผ้าสะอาดมากขึ้นเท่านั้น
57.นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาชนะหรือกระเป๋าเดินทางของคุณมีกลิ่นเหม็นอับชื้นจากเชื้อรา ด้วยการโรยผงฟูลงบนภาชนะข้าวของเครื่องใช้ก่อนที่จะเก็บเข้าที่เข้าทางอย่างมิดชิด หรือจะใช้โรยลงในโถส้วม อ่างล้างจาน อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ หรือโรยบนฝักบัวทิ้งไว้หากเราจะหยุดใช้ชั่วคราวในกรณีที่ไปพักร้อน หรือจะใช้ขจัดกลิ่นเหม็นอับของผ้าห่ม ผ้านวม หลังจากที่เก็บไว้นานๆ ก็ให้โรยผงฟูลงบนผ้านั้นแล้วม้วนเก็บทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยสะบัดออก หรือจะนำมาใช้ขจัดกลิ่นตกค้างบนผ้าปูโต๊ะด้วยการนำมาผ้าปูโต๊ะมาแช่ในน้ำนะลายผงฟูก็ได้ 58.ใช้ทำเป็นน้ำยาซักผ้าขาว สูตรแรกให้ใส่ผงเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงในเครื่องซักผ้าพร้อมกับน้ำยาซักผ้า วิธีนี้จะช่วยทำให้ผ้าขาวและสีสดขึ้นได้ ส่วนสูตรที่สองให้ใช้ตอนซักผ้า โดยให้ใส่เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงไปในน้ำสุดท้ายที่กำลังจะล้างฟองออก ก็จะช่วยทำให้ผ้ามีกลิ่นสะอาดยิ่งขึ้น
59.ใช้ล้างแปรงและหวี ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา นำมาผสมกับน้ำอุ่นในชามอ่างเล็กๆ แล้วนำแปรงหรือหวีมาแช่ทิ้งไว้ แล้วนำมาล้างอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยทำให้คราบต่างๆ ที่ติดอยู่ตามซอกหลุดออกมาได้โดยง่าย
60.ใช้ทำความสะอาดที่ดัดฟัน (Retainers) ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยแล้วนำที่ดัดฟันมาแช่ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบออกอีกครั้งหนึ่ง
61.ใช้ปรับสภาพของสระว่ายน้ำหรือตู้ปลาให้มีความเป็นกลาง เนื่องจากการเติมคลอรีนมากเกินไปและทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดมากเกินไป





ขายท่อนพันธ์ดอกรักสีขาว



ท่อนละ  7บาท ค่าส่งตามจริง
ต้องไปปักชำเอาเ องนะครับ

มีไม่เยอะครับ ต้นแม่มีสัก 50 ต้น
คงจะรับทีละ 2-300ต้น/ครั้ง


ที่ไหนมีมาลัย ที่นั่นต้องการดอกรักแน่นอน พืชอีกตัวที่เดินเงียบๆ  ขายได้เรื่อยๆ ราคา วิ่งที่30-120บาท แล้วแต่ ช่วงงาน เทศการ  ช่วงบวช ช่วงแต่ง ต้องการเยอะ  วันพระ ความต้องการสูง  

ไม่ต้องฉีดยา ฆ่าแมลง ปุ๋ยใส่ได้ก็ดี  ชอบแล้ง ทนแล้ง  หญ้ายังกลัวต้นรัก  ตรงไหนขึ้น ตรงนั้นไม่มีหญ้า แต่รอบๆต้นไม่เกี่ยว 5555

เหมาะสำหระบคนที่ไม่มีเวลาดูแล ปลูกแล้ว อาทิตย์เก็บที่ ดูแลกันที คนมีงานทำประจำ อาจทำสวนหารายได้พิเศษ
เรื่องตลาด มีทุกจังหวัด  แค่คุณประกาศให้โลกรู้ว่า บ้านคุณมี ดอกรักขาย  สักพักเดี๋ยวก็มีแม่ค้ามาหา  ตลาดนัด ก็มีมาลัยขาย เดินไปบอกเขา ว่าฉันมีดอกรักขายนะ มารับได้ เอาเบอร์โทรให้ไป เชื่อเถอะ ถ้ามีครั้งแรก ทันต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน 5555

^_^

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

เตรียมดินเพาะ แบบไม่ต้องซื้อดิน



เนื่องจากต้องใช้ดินเพาะ ในปริมานที่มาก
จะเอาดินที่ขุดๆขายกันมันไม่มีหน้าดิน
จะซื้อดินถุง ก็หลายพัน
วิธีการของลุงคือ เอาดินหมกกับหญ้า ที่ถอนๆไว้ ถอนกองตรงไหน ก็หมดตรงนั้นละ

สักพัก พอหญ้าเน่า หมดแก็ส ก็ไปขุดมาใช้
เวลาใช้ ลุงเพิ่มธาตุอาหารด้วยการหมักกับ สปีดทอนาโด เขียวระเบิด ทิ้งไว้ สองสามวัน

จากนั้นจึงเอาดินมาเพาะต้นไม้ต่อไป เวลาเพาะต้นไม้กล้านะโดเร็วมาก แข็งแรง


การเพาะเมล็ดพันธ์ แบบลุงแจ่ม



เพาะยังไงก็ขึ้น
เคล็ดไม่ลับ ของลุงเองละ
จากที่เคยเพาะ ในถาดหลุม ลืมรดน้ำมั่ง ไม่อยู่มั่ง ทำให้อัตราการงอกน้อย
เลยเสีดเม็ดพันธ์ไป เสียดาย ถึงไม่กี่ตังก็เถอะ

เปลี่ยนใหม่ ใช้กะละมังเล็กๆ 15บาท อย่าใช้ใบใหญ่ เสียยกเข่ง
เอาด นใส่สัก สามในสี่
เอาเท็ดพันธ์โรย ห่างหรือถี่แล้วแต่ว่าเพาะอะไร
เอาซ่อมหรือมือเรา ปาดหน้าดินไปมาเบาๆ พอกลบเมล็ด
รดน้ำให้ชุ่ม วันแรกท่วมเลย ยังไม่เป็นไร
วันที่สอง สามสี่ ไม่รดน้ำยังได้ เพราะน้ำอยู่ก้นกะละมัง ความชื้อยังได้ หรือตามความเหมาะสม

รอ แค่นี้ ขึ้น ไม่หวัดไม่ไหวจะปลูก

พอได้ที่แล้ว จะย้ายลงถุง ก็ว่ากันไป
กะลัมัง ไม่ต้องเจาะรูนะ ขังน้ำมันไว้ในนั้นละ
อะไรที่ขึ้นยากเย็น ขึ้นหมดละ

ลองปรับใช้ดูตามความเหมาะสม

ทริปดีๆ เช้านี้ วันพ่กผ่อน ลองไปทำแล้วมาบอกมั่ง เป็นกำลังใจ



น้ำหมักชีวภาพ-ยาฆ่าหญ้าคา

 น้ำหมักชีวภาพ-ยาฆ่าหญ้าคา

ส่วนผสมน้ำหมักชีวภาพ

เปลือกสับปะรดเหลือใช้ 30 กิโลกรัม
จุลินทรีย์น้ำ
น้ำสะอาด 2 ลิตร
กากน้ำตาล(ละลายน้ำ) 1 ลิตร
น้ำปราศจากคลอรีน 50 ลิตร

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพกำจัดหญ้าคา

1.ล้างเปลือกสับปะรดให้สะอาด
2.นำไปแช่ในน้ำจุลินทรีย์ โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วน จุลินทรีย์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 200 ส่วน
3.แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
4.นำเปลือกสับปะรดมาหั่นเป็นชิ้น3 X 3 นิ้ว
5.ใส่กากน้ำตาลที่ผสมน้ำแล้ว 1 ลิตร เติมลงไปผสมไว้ในถังพลาสติก
6.ปิดฝาให้แน่น ตั้งไว้อย่าให้โดนแดด
7.เติมน้ำสะอาด50ลิตร ที่ไม่มีคลอรีน โดยการเปิดน้ำใส่ถังทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้คลอรีนระเหย ลงไปผสมกับน้ำหมักที่เตรียมไว้
8.คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้ 15 วัน
9.ครบ15วัน เปิดฝาถัง กรองเอาแตน้ำออกมา
10.นำไปฉีดตรงที่มีหญ้าคาขึ้น ประมาณ 2-3 วันหญ้าคาจะค่อยตายไปจนหมด
11.กากที่เหลือเอาไปหมักทำปุ๋ยต่อไปได้


ยาฆ่าหญ้าแบบอินทรีย์ ใช้ตอนไม่มีพืชนะครับ

ยาฆ่าหญ้าแบบอินทรีย์ ใช้ตอนไม่มีพืชนะครับ
คงจะเหมาะสำหรับ สนามหรือพื้นที่ไม่มากครับ
เพราะเวลาใช้ไม่ต้องผสมน้ำเพิ่ม
หรือใครจะลองผยมน้ำเพิ่มเล็กน้อยก็ลองดูครับ

1.เหล้าขาว 1 ขวดกลม
2.น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ขวดกลม
3.เกลือ 3 กก.
4.น้ำยาล้างจานขวดเล็ก

วิธีทำ
1.เอาน้ำเปล่า2 ลิตร  ตั้งไฟให้เดือด
2.ละลายเกลือทั้ง 3 กก.ให้หมดทิ้งไว้ให้เย็น
3.เทน้ำส้มสายชู คนให้เข้ากัน
4.ใส่เหล้าขาวคนให้เข้ากัน
5.ใส่น้ำยาล้างจานคนให้เข้ากัน ช่วยจับใบ

วิธีใช้
ฉีดพ่นใส่หญ้าช่วงเช้าก่อน10 โมงในวันที่ไม่มีฝน
หลังจากฉีดแล้วทิ้งไว้ 15 วัน เพื่อให้สลายไปเอง

^_^


วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

การสกัดสมุนไพร เพื่อใช้ในการเกษตร

กรรมวิธีสกัดสารจากสมุนไพร

สูตร 1 : แช่หรือหมักด้วยน้ำเปล่าพอท่วมหรือน้ำมากกว่า 2-5 เท่าตามความเหมาะสม ทั้งนี้ถ้าใช้น้ำน้อยจะได้สารสกัดที่เข้มข้น หรือใช้น้ำตามปริมาณที่ระบุจากงานวิจัย … การหมักหรือแช่ด้วยน้ำเปล่าจะได้สารออกฤทธิ์ที่น้อยที่สุดในบรรดากรรมวิธี การหมักทุกรูปแบบ

สูตร 2 : สมุนไพร + กากน้ำตาล + จุลินทรีย์ธรรมชาติ อัตรา 3:1:1/2

สูตร 3 : สมุนไพร + น้ำเปล่า + กากน้ำตาล + จุลินทรีย์ธรรมชาติ อัตรา 10:10:1:1:1/2

สูตร 4 : สมุนไพร + น้ำเปล่า + เหล้าขาว + หัวน้ำส้มสายชู อัตรา 10:10:1/2:1/10

สูตร 5 : สมุนไพร + เหล้าขาว + หัวน้ำส้มสายชู อัตรา 10:10:1/10

สูตร 6 : สมุนไพร + เอธิลแอลกอฮอล์ อัตรา 1: 1 หรือ 1:2-3

สูตร พิเศษ : (1) สกัดด้วยอาหารเลี้ยงเชื้อ พีดีเอ. (2) สกัดด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ (3) สกัดด้วยเอกเซนและอาซิโตน (4) สกัดด้วยวิธีต้มกลั่นหรือทำเป็นสารระเหย เป็นกรรมวิธีสกัดภายในห้องทดลองมีอุปกรณ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ได้สารออกฤทธิ์บริสุทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดเหมาะสำหรับเพื่อการค้า


กระเทียม-แมลงหวี่ขาว เพลี้ย เชื้อรา

กระเทียม

 ใช้ส่วนหัวสดแก่ 1 กก. โขลกละเอียดแช่ในน้ำมันก๊าดหรือแอลกอฮอล์พอท่วม (ประมาณ 1 ลิตร) นาน 24 ชม.
หรือแช่ในน้ำร้อนจัด 1 ลิตร นาน 24 ชม. เหมือนกัน

 ได้หัวเชื้อ อัตราใช้ หัวเชื้อทั้งหมดผสมน้ำ 60 ลิตร
ฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มทุก 3-5 วัน

ศัตรูพืช
ด้วงหมัดผัก ด้วงปีกแข็ง ด้วงงวงกัดใบ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ ไส้เดือนฝอย แมลงหวี่ขาว เชื้อรา(โรคกลิ่นสับปะรด โรคต้นเน่าผลเน่า โรคผักเน่า โรครากำมะหยี่หรือใบไหม้ โรคราน้ำค้าง โรครากเน่าโคนเน่า โรคเหี่ยว โรคใบจุด โรคใบเน่า) ไวรัสวงแหวนในมะละกอ แบคทีเรียต่างๆ


ยาสูบ-หนอน เพลี้ย ไร

ยา สูบ ยาฉุน :
(1) ใช้ส่วนต้นสดแก่จัด(แกนกลางมีสารมากที่สุด) และใบสดแก่ บดละเอียดหรือสับเล็ก 1 กก. แช่น้ำ 20 ลิตร นาน 48 ชม. หรือต้มพอเดือดแล้วปล่อยให้เย็น ได้หัวเชื้อ อัตราใช้ หัวเชื้อ 1 ลิตร/น้ำ 20 ลิตร

 (2) ใช้ยาเส้นหรือยาฉุน 2 กก. ผสมน้ำ 100 ลิตร คนบ่อยๆ จนน้ำเป็นสีน้ำตาลไหม้ ได้หัวเชื้อ อัตราใช้ หัวเชื้อล้วนๆ ไม่ต้องเจือจางน้ำ

 (3) ยาฉุนหรือยาเส้น 1 กก. ผสมน้ำ 2 ลิตร ต้มจนเดือดนาน 30-60 นาที ได้หัวเชื้อ อัตราใช้ หัวเชื้อที่ได้เจือจางน้ำ 60 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มทุก 3-5 วัน

ศัตรูพืช
ด้วงหมัดผักกาด มวนหวาน หนอนกอข้าว หนอนกะหล่ำปลี หนอนผักกาด หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง ไรแดง ไรขาว ราสนิม ไวรัสโรคใบหงิก เชื้อรา

 ฉีดพ่นสารสกัดยาสูบยาฉุนในตอนเช้าอากาศปลอดโปร่งหรือตอนกลางวันอากาศขมุก ขมัวไม่มีแสงแดด ได้ผลดีกว่าฉีดพ่นตอนกลางวันแดดร้อนจัดหรือตอนเย็น


สมุนไพร- หนอนชอนใบมะนาว

หนอนตายหยาก
เอามาบดแช่เหล้าขาว 40 ดีกรี 1 อาทิตย์

วีธีใช้
 เอาน้ำเหล้าที่หมึกได้ประมาณ1ช้อนแกงผสมน้ำ2ลิตร

ฉีดตอนเช้าก่อนแดดออกหนอนชอนใบมะนาวหลบหลี้ หนีหน้า

ระวัง  โปรดเลือกคนหมัก ดีๆ ไม่งั้นเหล้าหายกลายเป็นน้ำเปล่า


สมุนไพรป้องกันกำจัดโรคที่เกิดจากแบคทีเรียและเชื้อรา

ป้องกันกำจัดโรคที่เกิดจากแบคทีเรียและเชื้อรา

ส่วนประกอบ
 ให้นำสาบเสือ สะเดา เปลือกแค กะเพรา โหระพา พริก มะรุม(ทั้งใบและเปลือก) รวมกันเป็น 1 ส่วน
เศษพืชผักกินได้หรือวัชพืช 1 ส่วน
 ผลไม้สดอีก 1 ส่วน รวมทั้งหมด 3 กิโลกรัม
กากน้ำตาล 1.5ลิตร

วิธีทำ
  นำพืชสมุนไพรผสมกับผัก วัชพืช และผลไม้สดบดให้ละเอียดแล้วหมักในถังพลาสติกขนาด 20 ลิตร
ใส่กากน้ำตาล 1.5 ลิตร
คลุกเคล้าให้เข้ากันปิดฝาพอมิดไม่ต้องแน่นมาก ให้สามารถระบายอากาศออกได้
เก็บไว้ในที่เย็นจากนั้นจึงหมั่นคนให้เศษพืชกับกาน้ำตาลเข้ากันดี 3วัน/ครั้ง
หมั่นตรวจดูถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นมีกลิ่นหอมเหมือนเหล้าไวน์ครบ 7 วันก็ใช้ได้

วิธีใช้
 อัตราการใช้ 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทางใบ
อัตราการใช้ทางรากใช้ 50 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร


สมุนไพรป้องกันกำจัดหนอนหลอดหอม หนอนชอนใบ เพลี้ยกระโดด เพลี้ยในผลไม้ (สูตรเข้มข้น)

 ป้องกันกำจัดหนอนหลอดหอม หนอนชอนใบ เพลี้ยกระโดด เพลี้ยในผลไม้ (สูตรเข้มข้น)

ส่วนประกอบ
          1. เหล้าขาว 2 แก้ว
          2. น้ำส้มสายชู5% 1 แก้ว
          3. สารอีเอ็ม 1 แก้ว
          4. กากน้ำตาล 1 แก้ว

วิธีทำ
 นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในภาชนะคนให้เข้ากันและปิดฝาให้สนิท
 หมักทิ้งไว้ 1 วัน แล้วนำไปฉีดพ่น

วิธีใช้
          ใช้ 5-10 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร


พริกชี้ฟ้า-  เพลี้ยอ่อน   หนอนผีเสื้อกะหล่ำ   ด้วงงวงช้าง   แมลงในยุ้งฉาง   เพลี้ยไฟ   ไรแดง   เพลี้ยแป้ง

พริก

ส่วนผสม
  พริกชี้ฟ้าสุก 0.5 ก.ก. (ครึ่งกิโลกรัม) 
ตำหรือปั่นให้ละเอียด
 ผสมน้ำ 3 ลิตร
  หมักไว้  1 คืน กรองเอาน้ำเก็บไว้ใช้

วิธีใช้
                นำน้ำหมักบอระเพ็ดที่กรองแล้ว  1 ลิตร  ผสมน้ำ  10  ลิตร  ฉีดพ่นพืชผัก  ผลไม้

ประโยชน์
                ใช้ขับไล่และกำจัดแมลง  เพลี้ยอ่อน   หนอนผีเสื้อกะหล่ำ   ด้วงงวงช้าง   แมลงในยุ้งฉาง   เพลี้ยไฟ   ไรแดง   เพลี้ยแป้ง

บอระเพ็ด-เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล  เพลี้ยจักจั่น  หนอนกอ  โรคยอดเหี่ยว   โรคข้าวลีบ

บอระเพ็ด
   ใช้เถาบอระเพ็ดแก่ ๆ ทั้งใบ 1 ก.ก.
  สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 3-5 เซนติเมตร
 ผสมน้ำ 4 ลิตร  หมักไว้ 1 คืน กรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้

วิธีใช้
                นำน้ำหมักบอระเพ็ดที่กรองแล้ว  1 ลิตร  ผสมน้ำ  5 ลิตร  ฉีดพ่นพืชผัก


ประโยชน์
                ใช้ไล่และกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล  เพลี้ยจักจั่น  หนอนกอ  โรคยอดเหี่ยว   โรคข้าวลีบ

ดาวเรือง-ป้องกัน เพลี้ยและแมลง

ดาวเรือง

ส่วนผสม
 ดาวเรืองทั้งต้น ใบ  ดอก 0.5 ก.ก.  (ครึ่งกิโลกรัม) 
นำมาตำหรือปั่นให้ละเอียด  ผสมน้ำ  3 ลิตร
 หมักไว้  1 คืน  นำมากรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้


วิธีใช้
 นำน้ำหมักดาวเรือง 5 ช้อนแกงผสมน้ำ  5 ลิตร 
และน้ำสบู่ หรือยาสระผม  1 ช้อนแกง  ผสมด้วย  เพื่อช่วยให้เป็นสารจับใบ ฉีดพ่นพืชผัก  ผลไม้

ประโยชน์
 ใช้ป้องกันเพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น  เพลี้ยหอย  เพลี้ยไฟ 
แมลงหวี่ขาว  แมลงวันผลไม้  หนอนใยผัก  หนอนผีเสื้อหัวกะโหลก
 หนอนกะหล่ำปลี  ด้วงปีกแข็ง   ไส้เดือน   ฝอย

สาบเสือ-เพลี้ยกระโดด, เพลี้ยจักจั่น, เพลี้ยหอย, เพลี้ยไฟ,หนอนกระทู้, หนอนใยผัก

สาบเสือ


ส่วนผสม
 ต้นสาบเสือและใบสด 1  กก. (หนึ่งกิโลกรัม)
นำมาสับเป็นชิ้นขนาด  3.5  เซนติเมตร ผสมน้ำ 3 ลิตร 
หมักไว้  1 คืน   กรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้

วิธีใช้
                นำน้ำที่หมักได้  1 ลิตร  ผสมน้ำ 5 ลิตร  ฉีดพ่นพืชผักทุก ๆ  5 - 7 วัน  ในช่วงเวลาเย็น

ประโยชน์
                ใช้ใส่และกำจัดแมลงพวกเพลี้ยกระโดด, เพลี้ยจักจั่น, เพลี้ยหอย, เพลี้ยไฟ,หนอนกระทู้, หนอนใยผัก



วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์

ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์


ส่วนประกอบ
1. ตะไคร้ 4-5 ต้น
2. ใบเตย 2-3 ใบ
3. น้ำสะอาด 2 ลิตร

ต้มสมุนไพรจนเดือด
พอเดือดลดไฟลง ต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝาโดยเด็ดขาด
 ครบ 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น

 ดื่มแทนน้ำเปล่าติดต่อกัน 1 สัปดาห์
จะล้างกรดยูริคในเลือด สาเหตุของอาการปวดเข่าจากโรคเก๊าต์ได้ดีมากๆแบบไม่ต้องใช้ยาเลยครับ


วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีแก้ลมพิษ


แตงกวา รักษานิ่วได้

 รักษานิ่วในไตจากแตงกวา
1. แตงกวาขนาดยาว 1 คืบ
2. สารส้มตำละเอียด 2 ช้อนชาพูน
3. น้ำอ้อยสด 1/2 แก้ว
4. น้ำสับปะรดสด 1/2 แก้ว

วิธีทำ
ตัดจุกแตงกวาออก ควักเอาเมล็ดออก
 ใส่สารส้มตำละเอียดลงไป
แล้วห่อด้วยกระดาษฟรอย
นำไปวางไว้บนเตาถ่านในแนวตั้ง
 ให้สามารถเห็นข้างในได้ว่าสารส้มและเนื้อแตงกวาละลายเป็นน้ำหรือยัง
หากละลายแล้ว
ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วคั้นน้ำแตงกวาออกมาเก็บไว้

วิธีรับประทาน
ผสมน้ำสับปะรดและน้ำอ้อยให้เข้า กัน
ใส่น้ำแตงกวาลงไป 1 ช้อนชา(เท่านั้น)
คนๆ ดื่มก่อนอาหาร 20-30 นาที 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น
ติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์
 สังเกตจากเวลาปัสสาวะจะมีเศษนิ่วค่อยๆหลุดออกมาทีละน้อยครับ

ขอให้หายทุกท่านครับ บุญกุศลขอจวเกิดกับเจ้าของผู้คิดค้น

^_^



ผลลูกว่า มีประโยชน์ยับยั้งมะเร็ง

"ลูกหว้า" ผลไม้พื้นบ้านไทยช่วยยับยั้งมะเร็ง
ลูกหว้า เมื่อสุกจะมีผลสีม่วงเข้มจนถึงดำคล้ายองุ่นรสชาติจะออกหวานและ มีรสฝาดเล็กน้อย นิยมนำมาทำแปรรูปเป็นน้ำลูกหว้า เยลลี่ และแยม สารที่มีอยู่ในลูกหว้าจะเป็นสารกลุ่มแอนโธไซยานิน (ไซยานิดิน) กรดเอลลาจิก กรดเฟอรูลิก ซึ่งสารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งโดยพบว่า สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านมได้

ก็อบเขามาคราบ 555555


วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

ฮอร์โมนสูตรเร่งตาดอกไม้ผล

ฮอร์โมนสูตรเร่งตาดอกไม้ผล

1. ไข่ไก่ทั้งเปลือก 5 กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล        3 กิโลกรัม
3. ยาคูลท์              1 ขวด (หรืออีเอ็ม 2 ช้อนแกง)
4. แป้งข้าวหมาก  1-2 ลูก

วิธีทำ
ทุบไข่ไก่และแป้งข้าวหมากผสมส่วนผสมทั้งหมดหมักไว้นาน 7-15 วัน

วิธีใช้
ใช้ฉีดพ่นในอัตราส่วน น้ำยา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร


ปล .  เมื่อดอกออกแล้วให้หยุดใช้ทันที


ทำปุ๋ยยูเรีย จากมะพร้าวขูด

สูตรแทนยูเรีย
1. มะพร้าวขูดแบบไม่คั้นกะทิออก 3 กิโลกรัม
2. น้ำ 5 ลิตร

วิธีทำ
 ห่อมะพร้าวด้วยผ้าขาวบางหมักแช่ไว้ 2 คืน

วิธีใช้
นำมาใช้แทนปุ๋ยสูตร 92-0-0 หรือ 46-0-0 ในการปลูกพืชต่างๆ

การทำปุ๋ยยูเรียจากถ้่วเหลือง

วิธีทำปุ๋ยยูเรียน้ำจากถั่วเหลือง

1ใช้ถั่วเหลือง 1กิโลกรัม
2กากน้ำตาล 1กิโลกรึม
3น้ำมะพร้าว 10ลิตร(ถ้าหาน้ำมะพร้าวไม่ได้ให้ใช้น้ำซาวข้าวแทน ใีไปทุกวัน)

ใช้ถั่วเหลืองดิบๆไม่ต้องต้มหมักรวมกับกากน้ำตาลและน้ำมะพร้าว หมักทิ้งไว้ 14 วัน

กรองเอาแต่น้ำ จะได้น้ำปุ๋ยหมักยูเรีย ที่เทียบเท่า
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 หนึ่งกระสอบ


วิธีใช้สองช้อนแกงต่อน้ำเปล่ายี่สิบลิตร หรือ1/1000

จะฉีดทางใบหรือจะลดโคนต้นก็ได้ทุกๆเจ็ดวันถึงสิบวัน
จะได้เท่ากับปุ๋ยสูตร 57-0-0



เห็ดกระถินพิมานรักษามะเร็ง

พ่นควันไล่ผึ้ง

รักษาเก๊าท์

โกฏจุฬาลัมพาแห้ง