อาการพืชขาด เหล็ก แมงกานิส สังกะสี ทองแดง
- ค่าพีเอชต่ำเหล็ก แมงกานิส สังกะสี ทองแดง ละลายมากจนอาจจะเป็นพิษกับพืช
- พิเอชของดินลดลง แมงกานิสจะละลายออกมาได้ดีกว่าเหล็กและสังกะสีจนอาจเป็นพิษได้
- อาการขาดธาตุเหล็กจะพบในดินที่เป็นด่าง
- ถ้าเกิดอาการแมงกานิสเป็นพิษ จะทำไห้ขาดเหล็ก
- อาการที่ต้นไม้ขาดแคลเซียดินเป็นกรด ดินเนื้อหยาบเช่นทรายมันไม่เก็บธาตุอาหาร
- นี่ยังไม่รวมถึงการขาดฟอสฟอรัสเพราะดินเป้นกรด ที่มีผลกระทบไปถึงการติดดอก ออกผล
- เชื้อโรค เชื้อรา ที่เกิดจากดินเป็นกรด
มันเป็นห่วงโซ่ ที่กระทบไปทั้งระบบ ทั้งการส่งอาหารจากรากไปสู้ ส่วนต่างๆทางท่ออาหาร
และการส่งแคลเซี่ยม ไปทางท่อน้ำของพืช(ทันคนละท่อกัน) ไปสู่ปากใบและผล
.
ถ้าพืชไมาสามารถส่งแคลเซียมไปได้ นั่นคือ ผลที่ได้ ลูกเล็ก น้ำหนักไม่ดี ผลบิดเบี้ยว เน่าที่ก้นผล เนื้อเละๆไม่แน่น (ลองดูมะม่วงดองที่กรอบเพราะแคลเซียมคลอไลด์) ปัญหาเน่าเสียง่าย ทุกอย่างล้วนมาจากแคลเซี่ยมทั้งนั้น...แล้วเจ้าแคลเซี่ยมนี่ มันก็เคลื่อนที่เองไม่ได้ในพืช ต้องอาสัยน้ำพาไป ไปทิ้งไว้ที่ปากใบ และผล เท่านั้น...แล้วถ้ารากมีปัญหา จากดินเป็นกรด จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อการเจริญเติบโตทั้งหมด ถูกดินตรึงอาหารไว้ ด้วยดินที่เป็นกรด
.
แน่นอน ธาคุอาหารที่เป็นประจุลบ มันสามารถเคลื่อนที่ได้ เช่น ไนโตรเจน แต่ถ้าดินเป็นกรด ก็จบเห่ เพราะดินจะปล่อย อลูมืนั่ม ออกมา จนเป็นพิษต่อต้นไม้
.
มันเลยเหมือน งูกินหาง แก้ปัญหากันไม่จบ จนกว่าเราจะจัดการสภาพดินให้เหมาะสมกับพืชเสียก่อน
.
ส่วนปริมาณธาตุอาหาร เราคงต้องมานั่ง บริหาร จัดสรร ให้มันพอดีต่อความต้องการของพืชให้ครบ 16 ชนิด ทีหลัง
.
เพราะถ้า พีเอชของดินไม่ดี ยังไงก็จัดการเรื่อง ปุ๋ย ไม่ได้อยู่แล้ว สั้นๆ ถ้าว่ากันยาวๆ ก็จบ ป.ตรี กันเลย ถ้าจะเอาแบบนั้น ต้องถามมา เล่าไม่ไหว เพราะทุกธาตุ เกี่ยวข้องกันหมด
.
นี่ยังไม่รวม ปรมาณแสง ความชื้นในดิน ความชื้นในอากาศ ความชื้นสัมพัฒน์ ว่า ต้องเท่าไร พืชถึงจะคายนี้ได้ดีที่สุด
.
ทิ้งคำถามไว้.....พืชใช้น้ำดูดน้ำ เวลาไหน มากที่สุด....ปากใบเปิดได้นานที่สุด ที่ความเข้มของแสงเท่าไร แล้ว ทำอย่างไรถึงจะกระตุ้นการสังเคราะห์แสงได้มากที่สุด(ถามเล่นๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น