สยาม แผ่นดินไทย
สาระก่อนนอน..ราตรีสวัสดิ์.....
#เพื่อสุขภาพ
นำใบอังกาบ (เลือกใบแก่ๆ) ประมาณ 2-3ใบ นำมาล้างน้ำให้สะอาด
เคี้ยวใบอังกาบให้ละเอียดไว้ภายในปากประมาณ 30วินาที กลืนใบอังกาบ
หลังจากนั้นประมาณ 1นาที
กรณี มีเชื้อมะเร็ง ลิ้นจะเป็นสีม่วง ดำ ติดลิ้น ไปประมาณ 3-4วัน
กรณี .ในรายปกติ ลิ้นจะมีสีเขียวของใบไม้ และจะจางหายไป ไม่อยู่ติด3-4วัน
****เป็นเพียงการตรวจหาเชื้อมะเร็งเบื้องต้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น เพื่อความมั่นใจควรไปตรวจจากโรงพยาบาลเพื่อยืนยังผลอีกครั้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleria cristata Linn.
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่ออื่นๆ : ก้านชั่ง ลืมเฒ่าใหญ่ อังกาบกานพลู อังกาบเมือง ทองระอา คันชั่ง
ลักษณะ :
ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-2 เมตร กิ่งก้านและใบมีขนสีเหลืองอ่อน ใบออกตรงข้ามเป็นคู่ๆ ใบรูปไข่แกมรี กว้าง 2-5 ซม. ยาว 4.5-8 ซม. มีขนทั้งสองด้าน โดยเฉพาะตามเส้นใบ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 0.3-1.3 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ค่อนข้างแน่นที่ปลายยอด หรือบริเวณใกล้ปลายยอด สีฟ้าอมม่วงหรือแกมชมพู ที่โคนช่อดอกมีใบประดับรูปขอบขนานยาว ขอบใบเว้า ปลายเป็นหนามแหลมยาว ดอกส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาว 3-4 ซม. ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบล่างจะใหญ่กว่า 4 กลีบบน ยาวประมาณ 1 ซม. ด้านนอกมีขน เกสรผู้ 4 อัน สั้น 2 ยาว 2 ผลเป็นฝักรูปยาวรี ปลายและโคนแหลม ส่วนปลายกว้างกว่าส่วนโคน เมล็ดมี 4 เมล็ด
สรรพคุณ :
ใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพรช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยเจริญธาตุไฟ
รากหรือใบ ใช้เป็นยาลดไข้ (ราก,ใบ)ช่วยแก้หวัด ด้วยการนำใบมาคั้นกิน
ใบอังกาบหนู ใช่เคี้ยวแก้อาการปวดฟัน ใบป้องกันและแก้อาการท้องผูก มีคนเคยใช้อังกาบเพื่อเยียวยารักษาโรคมะเร็ง เนื้องอกในสมอง และเบาหวาน แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลไหนที่ยืนยันว่ามันสามารถช่วยหรือมีส่วนรักษาได้จริง สารสกัดจากรากอังกาบหนู มีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด โดยมีการทดลองในหนูเพศผู้นานติดต่อกัน 60 วัน พบว่าสามารถคุมกำเนิดได้ 100% เนื่องจากสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ในการรบกวนการสร้างสเปิร์ม ลดจำนวนสเปิร์ม และทำให้การเคลื่อนไหวของสเปิร์มลดลง โดยสารสกัดจากอังกาบหนูนั้นส่งผลต่อการสร้างสเปิร์ม ทำให้โครงสร้างและหน้าที่ของสเปิร์มผิดปกติไป
(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เป็นความรู้จากหมอชาวบ้านที่บอกต่อสืบทอดกันมา
สาระก่อนนอน..ราตรีสวัสดิ์.....
#เพื่อสุขภาพ
นำใบอังกาบ (เลือกใบแก่ๆ) ประมาณ 2-3ใบ นำมาล้างน้ำให้สะอาด
เคี้ยวใบอังกาบให้ละเอียดไว้ภายในปากประมาณ 30วินาที กลืนใบอังกาบ
หลังจากนั้นประมาณ 1นาที
กรณี มีเชื้อมะเร็ง ลิ้นจะเป็นสีม่วง ดำ ติดลิ้น ไปประมาณ 3-4วัน
กรณี .ในรายปกติ ลิ้นจะมีสีเขียวของใบไม้ และจะจางหายไป ไม่อยู่ติด3-4วัน
****เป็นเพียงการตรวจหาเชื้อมะเร็งเบื้องต้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น เพื่อความมั่นใจควรไปตรวจจากโรงพยาบาลเพื่อยืนยังผลอีกครั้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleria cristata Linn.
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่ออื่นๆ : ก้านชั่ง ลืมเฒ่าใหญ่ อังกาบกานพลู อังกาบเมือง ทองระอา คันชั่ง
ลักษณะ :
ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-2 เมตร กิ่งก้านและใบมีขนสีเหลืองอ่อน ใบออกตรงข้ามเป็นคู่ๆ ใบรูปไข่แกมรี กว้าง 2-5 ซม. ยาว 4.5-8 ซม. มีขนทั้งสองด้าน โดยเฉพาะตามเส้นใบ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 0.3-1.3 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ค่อนข้างแน่นที่ปลายยอด หรือบริเวณใกล้ปลายยอด สีฟ้าอมม่วงหรือแกมชมพู ที่โคนช่อดอกมีใบประดับรูปขอบขนานยาว ขอบใบเว้า ปลายเป็นหนามแหลมยาว ดอกส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาว 3-4 ซม. ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบล่างจะใหญ่กว่า 4 กลีบบน ยาวประมาณ 1 ซม. ด้านนอกมีขน เกสรผู้ 4 อัน สั้น 2 ยาว 2 ผลเป็นฝักรูปยาวรี ปลายและโคนแหลม ส่วนปลายกว้างกว่าส่วนโคน เมล็ดมี 4 เมล็ด
สรรพคุณ :
ใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพรช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยเจริญธาตุไฟ
รากหรือใบ ใช้เป็นยาลดไข้ (ราก,ใบ)ช่วยแก้หวัด ด้วยการนำใบมาคั้นกิน
ใบอังกาบหนู ใช่เคี้ยวแก้อาการปวดฟัน ใบป้องกันและแก้อาการท้องผูก มีคนเคยใช้อังกาบเพื่อเยียวยารักษาโรคมะเร็ง เนื้องอกในสมอง และเบาหวาน แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลไหนที่ยืนยันว่ามันสามารถช่วยหรือมีส่วนรักษาได้จริง สารสกัดจากรากอังกาบหนู มีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด โดยมีการทดลองในหนูเพศผู้นานติดต่อกัน 60 วัน พบว่าสามารถคุมกำเนิดได้ 100% เนื่องจากสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ในการรบกวนการสร้างสเปิร์ม ลดจำนวนสเปิร์ม และทำให้การเคลื่อนไหวของสเปิร์มลดลง โดยสารสกัดจากอังกาบหนูนั้นส่งผลต่อการสร้างสเปิร์ม ทำให้โครงสร้างและหน้าที่ของสเปิร์มผิดปกติไป
(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เป็นความรู้จากหมอชาวบ้านที่บอกต่อสืบทอดกันมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น