วันนี้ สิ่งที่ผมเห็น และแอบ อมยิ้ม ทุกครั้งที่เห็น
หลายๆครั้งที่ผมบอกว่า ต่อต้านการใช้อีทีฟอน ในกลุมปลูกเองขายเอง
.
ผมเริ่มเห็น เห็นกล้วยหอมคาเวนดิช แขวนอยู้ในตู้เย็น
.
แขวนอยู่ในตู้แช่ ที่ถูกดัดแปลง มาเป็นห้องควบคุมการบ่ม
.
มันเป็นการบ่มที่ถูกต้อง ถึงจะยังไม่รู้ว่า ชุบอีทีฟอน หรือเปล่า
.
แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือ การพยายามปรับตัว ของเราชาวสวนไปในทางที่ถูกต้อง
.
มันกำลังทำงาน ไปในแนวทางที่ถูกต้อง
.
การโพสขาย อีทีฟอน หายไปเยอะ จนแทบจะไม่เห็น...
ขอบคุณที่เราเน้นความปลอดภัยของผู้บริโภค
เพราะมันจะเป็นจุดแข็งที่สุด สำหรับการทำตลาดแบบขายเองโดยเกษตรกร
เพราะสินค้าที่ขายโดย เกษตกรเอง จุดขายที่แข็งแกร่งที่สุด คือ ความปลอดภัยและไร้สารพิษ ถ้าเรายืนหยัด แน่วแน่ อยู่ในเส้นทางนี้ อย่างจริงจัง จนสามารถสร้างกระแส ให้มันแรงได้จริงๆ ทุนใหญ่ จะมาครอบงำเราไม่ได้ ถึงแม้จะพยายามใช้กลไก ทางราชการ ออกกฏหมายความคุม อย่างทุกวันนี้..........แต่ท้ายที่สุด ผู้บริโภค คือคนที่ตัดสินใจ ว่าจะเชื่อมั่น เชื่อใจใคร..ใบรับรอง มันซื้อได้ง่าย แต่ซื้อความเชื่อใจผู้บริโภค ต้องเอาใจซื้อใจ
.
ทำไม่ผักผลอดสารพิษที่มีใบรับรองถึงมีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน...ตรงนี้คือคำตอบว่า...ในระบบทุน..มันไม่มีคำวว่าปลอดสารพิษ แต่ได้ใบรับรองมาเพราะอะไร
.
ตรงนี้ต่างกับเรา...ขอเพียงเรายึดมั่น แน่วแน่ และจริงใจ ที่จะทำด้วยหัวใจที่มั่นคง และพูดความจริงแบบดังๆให้ก้องประเทศว่า.
.
เราคือคนที่ทำแบบปลอดสารพิษจริงๆ...ตรงนี้ละ คือสิ่งที่เราจะยืนอยู่ได้ ในสังคมโลกที่นายทุนครองเมือง
.
เพราะมันคือช่องเล็กๆ ที่เราแทรกเข้าไปได้เสมอ
.
สิ่งที่อยากเห็น เป็นการต่อมาคือ..การรวมกลุ่มกัน สร้างแบรนด์ แล้วจัดจำหน่าย
.
ถ้าก้าวไปถึงตรงนี้ได้ ถือเป็นความก้าวหน้าเลย ซื่ง ยอมรับว่ายาก และเป็นไปได้ยาก ถึงเกิดก็จะอยู่ไม่นาน..เพราะจะยึดผลของจำนวนเงินเป็นหลัก โดยจุดมุ่งหมายเป็นรองแล้ววงจะแตก
......................................
แต่วันนี้ ก็ของคุณ ที่ได้เห็นกล้วยถูกบ่มในตู้เย็น
วันนี้เห็นการโพสขายอีทีฟอน ลดน้อยลง
ถึงจะมีคนใช้อยู่ แต่เชื่อว่า ไม่นานจะเกิดการพัฒนา ปรับตัวไปในทางที่ถูกต้อง
บางครั้ง ก็ต้องการเวลา ในการปรับตัว...เราเข้าใจ
แต่หวังว่า สักวัน มันจะหมดไป ในกลุ่มของเกษตรกร ที่ปลูกเองขายเอง
.....................................
สวีสดี วันที่ฟ้าสดใส..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น