ไม่ใช่รู้มากมาย หลังจากทำใช้มา3-4 ปี
.
กระบวนการเริ่มต้นคิด จึงเกิดขึ้นตลอด
.
ปุ๋ยคอก ที่ผลิตมาแต่ละเจ้า จึงไม่ใช่ของดีทั้งหมด
เพราะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางด้านวัตถุที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก
.
เท่าที่ส่งรูปมาให้ดู ปุ๋ยนก็ใส่อย่างสม่ำเสมอ แต่ทำไม มันไม่ไต
.
ลุงขอบอกว่า ใส่กันแบบ ขาดการคิดและใตร่ตรอง
.
คือถึงเวลาก้ใส่ ครึ่งเดือนใส่ หนึ่งเดือนใส่ ..ก็เอาไปใส่ๆกัน ก็คือใส่แล้ว
.
แต่ไม่เคยมองว่า ใส่ทำไม ใส่แล้วได้อะไร พืชเปลี่ยนแปลงไปไหม
ใส่แล้วก็ยังไม่โตอีก
.
ปุ๋ยก็ต้องใช้ให้ถูกวิธี ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงจะเห็นผล
.
พวกใส่ตามธรรมเนียม เลยไม่ได้ผล จากการใส่ปุ๋ย
.
เคยวัดใหม่ พีเฮช เท่าไร ความชื้นในดินพอไหม ที่จะใส่ปุ๋ย
ส่วนมากที่เห็น..ใส่เพราะถึงเวลาใส่ ไม่ได้ใส่ เพราะ พืชต้องการ
.
ที่นี่ก้มาถึงปุ๋ยคอก..การที่วัสดุ ที่นำมาใช้ต่างกัน
ธาตุอาหาร ก็ย่อมตางกัน....(ประโยชน์เรื่องฟื้นฟูดิน ขอผ่านเพราะมันดีอยู่แล้ว)
.
พวกอัดเม็ด มีการเติม ยูเรีย โดโลไมท อยู่แล้ว กับอีกหลายๆอย่างที่มัน ถูกๆ
พวกอัดเม็ด จึงไม่ได้ผลดีเท่าไร สำหรับเกษครกร นอกจากการโฆษณาชวนเชื่อว่าดีทั้งที่มันไม่ดี
.
ลุงจึงแนะนำให้ทำเอง เราจะได้เต็มๆ
.
วัสดุ ที่ทำ ถ้าเอาแกลบดำ เป็นหลัก หรือพวกอยู่ไกล้โรงสี โรงงานที่มีขี้เถ้า กลุ่มนี้ เอามาใส่ จะไม่ค่อยโต เท่าไร
.
พวกกลุ่ม อยู่ไกล้โรงงาน ที่มีเปลือกยูคา หรือพวกกิ่งไม่แห้งบดๆ พวกนี้ ในช่วงแรก เอามาใช้ก็ไม่งาม ไม่อวบเท่าที่ควร เหมาะเอาไปใช้ กับพวกพืชลงหัว จะดี พืชจะไม่บ้าใบ แต่หัวใหญ่
.
ถึงได้บอกว่าการปรุงปุ๋ยคอก มันก็ต้องมีศิลป์ ทางความคิดและไตร่ตรอง
.
ถึงแม่ว่า ปุ๋ยคอกมันจะดีต่อดิน ยังไงก็ดีกว่าเคมี ประโยชน์ล้วนๆ
.
แต่ดีกว่าใหม่ ที่เราจะปรุง ให้มันครบๆ ซึ่งถ้าเราไปซื้อมา เขาไม่ได้บอกเราแน่ๆว่า ทำมาจากอะไร
.
ฉนั้น เราทำเองไม่ดีกว่าหรือ
.
วัสดุหลักในการทำปุ๋ยคอก ควรจะมาจาก สามส่วนหลักๆ (ตามความคิดลุงนะ คิดโง่ๆนี่ละ)
.
วัสดุสดๆ เขียวๆ เช่น ผักตบชวาสด เศษผักสด หญ้าสด กิ่งไม่สดๆ คือขอให้มันสดๆนะ
เพราะมันจะได้ ไนโตรเจน เป็นหลัก (อาหารรองกับจุลธาตุ มันมีอยู่แล้วไม่พูดละ)
.
ส่วนที่สอง
ของแห้งๆ ทุกชนิด ฟางแห้ง กิ่งไม้แห้ง ใบไม้แห้ง ต้นกระถิน ต้นไมยะราบแห้งๆ(กระเป็าตังแห้งไม่ต้อง)
ส่วนนี้มันจะ ให้ฟอสฟอรัส
.
ส่วนที่สาม
พวกเผาๆ ทุกชนิด ถ่าน แกลบดำ ขี้เถ้าเตาไฟ
กลุ่มนี้จะให้โพรแทสเซียม ความหวานและน้ำหนัก
.
ที่นี้ น่าจะมองเห็นภาพ แล้วนะ ว่าเราจะกองปุ๋ยหมัก อย่างไร ผสมอย่างไร ให้มันเหมาะกับช่วงการเจริญเติบโตในแต่ละช่วง
.
ทำสัก สามกอง อยากได้ปุ๋ยหมัก สูตรไหน ก็ ใส่ตามอัตรส่วน เพิ่มลดวัสดุกันเอา
.
การทำปุ๋ยหมก แบบบ้านๆ ก้คือ ใช้วงบ่อนั่นละ ยกด้านล่างให้สูงขึ้น มันจะไหลออกมาเองไม่เหนื่อย
.
การหมักก็เอาดินเก่าๆ ปุ๋ยคอกที่ได้ผสมกลับเข้าไปบ้าง เพราะมันมีจุลินทรีย์อยู่แล้ว มันจะได้ย่อยเร็วขี้น
.
ทำไว้สักสามสูตร
.
สูตรเร่งโต ก็พืชสดเยอะหน่อย 60% ไปเลย
สูตรติดดอกออกผล ก็ของแห้ง 60% ไปเลย
สูตรเพิ่มหวานน้ำหนักก็ขี้เถ้า เตาไฟ แกลบดำ60%ไปเลย
.
ถ้าทำแบบนี้ ลืมไปเลย ปุ๋ยเคมี แค่นี้ละที่พืชต้องการ
.
บวกกับการใช้ ฉีดพ่นทางใบ ในตอนเช้า
อะไรก็มาหยุดความรวยไม่ได้
.
เพราะตัวที่มารั้งความรวยของเราทุกวันนี้ คือปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
ซึ่งเป็นต้นทุก ที่มากกว่าครึ่ง ในการทำเกษตรของคนไทย
.
ผมเห็นขนกันที่ 30-50ลูก เอาไปละลายน้ำเล่น ในนา ในสวน ในไร่
ปีละ 2-3 หมื่น ถ้าทำแบบนี้ ไอ้2-3หมื่น ก็ไม่ต้องจ่าย แรงกายเรามี
.
ค่อยๆเก็บ พืชผัก มาทำ เก็บฟางมาทำ ขี้เถ้าจากกองเผาถ่าน มาทำ
วันละนิดหน่อย บ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ขายปุ๋ยกันมั่ง
.
อย่าลืม ปุ๋ยคอกอัดเม็ด นี่กากๆ สุดๆ เรื่องคุณภาพ สู้ผงๆ ป่นๆแบบเราทำไม่ได้หรอกนะ
.
ทำเถิด จะได้หลุดพ้นจากวงจร คนจนทำเป็นควาย นายทุนรวยเสียที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น