ข้อมูลของกล้วยหอม คาเวนดิช
ชื่อสามัญ: กล้วยหอม (Cavendish Banana)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Musa acuminata (AAA Group) 'Cavendish'
ลักษณะ:
- ลำต้น: เป็นพืชล้มลุกขนาดใหญ่ มีลำต้นเทียมสูง 2.5-4 เมตร ประกอบจากกาบใบที่เรียงซ้อนกันแน่น
- ใบ: มีขนาดใหญ่ รูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา สีเขียวเข้ม
- ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด เรียกว่า ปลี ดอกย่อยมีขนาดใหญ่ สีเหลือง มีใบประดับสีม่วงแดงหุ้มอยู่
- ผล: เป็นผลแบบมีเนื้อหลายเมล็ด ออกเป็นหวี หวีหนึ่งมีประมาณ 10-15 ผล ผลรูปยาวรี ปลายผลมน ผิวเรียบเป็นมัน สีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เนื้อในมีสีครีม รสชาติหวาน กลิ่นหอม
แหล่งกำเนิด: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การขยายพันธุ์: ส่วนใหญ่ใช้วิธีการแยกหน่อ
การปลูกและดูแลรักษา:
- ดิน: ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง pH 6-7
- แสงแดด: ต้องการแสงแดดจัดตลอดวัน
- น้ำ: ต้องการน้ำปานกลาง ไม่ทนต่อน้ำท่วมขัง
- ปุ๋ย: ควรใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีอย่างสม่ำเสมอ
- โรคและแมลง: โรคที่สำคัญ เช่น โรคตายพราย โรคใบไหม้ ส่วนแมลงที่สำคัญ เช่น หนอนกอ เพลี้ยแป้ง
ประโยชน์:
- ผล: รับประทานเป็นผลไม้สด นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กล้วยตาก กล้วยเชื่อม กล้วยฉาบ
- ใบ: ใช้ห่ออาหาร นึ่งขนม
- กาบกล้วย: ใช้ทำเชือก ทำเป็นภาชนะใส่อาหาร
ข้อควรระวัง:
- ผลกล้วยดิบมีสารแทนนิน อาจทำให้ท้องผูกได้
- กล้วยหอมพันธุ์คาเวนดิช อ่อนแอต่อโรคตายพรายมาก
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ:
- กล้วยหอมคาเวนดิช เป็นกล้วยพันธุ์ที่นิยมบริโภคมากที่สุดในโลก
- เดิมทีกล้วยหอมที่นิยมปลูกคือพันธุ์ Gros Michel แต่ถูกทำลายด้วยโรคตายพราย จึงเปลี่ยนมาปลูกพันธุ์คาเวนดิชแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น