คู่มือการเลี้ยงปูนา สู่ความสำเร็จแบบมือใหม่
สารบัญทำไมต้องเลี้ยงปูนา?รู้จักกับปูนาการเตรียมบ่อเลี้ยงการคัดเลือกพันธุ์และปล่อยเลี้ยงเทคนิคการให้อาหารการดูแลจัดการบ่อเลี้ยงโรคและศัตรูการจับและการตลาดคำถามที่พบบ่อย (Q&A)ตัวอย่างการคำนวณต้นทุน-กำไรแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม1. ทำไมต้องเลี้ยงปูนา?แหล่งอาหารโปรตีนสูงความต้องการสูง ราคาดีลงทุนน้อย เลี้ยงง่ายใช้พื้นที่น้อย2. รู้จักกับปูนาลักษณะ: กระดองสีดำ/น้ำตาล ก้ามใหญ่ถิ่นที่อยู่: นาข้าว ทุ่งนา น้ำตื้นอาหาร: พืช สัตว์เล็กๆ ซากสัตว์พฤติกรรม: อยู่บนบกมากกว่าในน้ำ ออกหากินตอนกลางคืน3. การเตรียมบ่อเลี้ยงบ่อดิน: ขุดง่าย ลงทุนต่ำ (ลึก 1 เมตร มีร่มเงา)บ่อปูน: แข็งแรง ควบคุมง่าย (ราคาสูงกว่า)สิ่งสำคัญ:ระบบน้ำ: น้ำสะอาด ไหลเวียนดีตาข่าย/รั้ว: ป้องกันปูนาหนี ศัตรูเข้าพื้นที่ดิน: ให้ปูนาขึ้นมาพักผ่อน4. การคัดเลือกพันธุ์และปล่อยเลี้ยงเลือกปูนาจาก: แหล่งที่เชื่อถือได้ ปราศจากโรคลักษณะที่ดี: กระดองสมบูรณ์ แข็งแรง ขนาดใกล้เคียงกันความหนาแน่น: 5-10 ตัว/ตารางเมตรการปล่อย: ช่วงเย็น ปล่อยด้านเหนือลม5. เทคนิคการให้อาหารชนิดอาหาร:สำเร็จรูป: สะดวก แต่ราคาสูงอาหารสด: ไส้เดือน ปลาเล็ก ผัก ผลไม้อาหารเสริม: เปลือกไข่ กระดองปลาหมึก (แคลเซียม)ปริมาณ: 5-10% ของน้ำหนักตัว แบ่งให้ 2 มื้อสังเกต: ถ้าอาหารเหลือ ลดปริมาณลง6. การดูแลจัดการบ่อเลี้ยงตรวจคุณภาพน้ำ: สัปดาห์ละ 2 ครั้งเปลี่ยนถ่ายน้ำ: เมื่อน้ำขุ่น มีกลิ่นเหม็นกำจัดเศษอาหาร: ป้องกันน้ำเน่าเสียตัดหญ้า กำจัดวัชพืช: รอบๆ บ่อ7. โรคและศัตรูโรค: โรคขี้ขาว โรคตับแข็งศัตรู: นก หนู งู ปลาใหญ่การป้องกัน: รักษาความสะอาด ใช้ตาข่าย8. การจับและการตลาดการจับ: ใช้สวิง ยกยอช่วงเวลา: ตอนกลางคืน ปูนาออกหากินการตลาด:ขายสด: ร้านอาหาร ตลาดแปรรูป: ปูนาดอง น้ำปูขายออนไลน์: เพิ่มช่องทาง9. คำถามที่พบบ่อย (Q&A)Q: เลี้ยงปูนาแบบไหนดี?A: ขึ้นอยู่กับงบประมาณ พื้นที่ และความสะดวกQ: ปูนากินอะไร?A: กินทั้งพืชและสัตว์ ดูข้อ 5Q: ดูแลยังไงไม่ให้ปูนาตาย?A: น้ำสะอาด อาหารเพียงพอ ป้องกันโรค ศัตรูQ: เริ่มเลี้ยงกี่ตัวดี?A: เริ่มจากจำนวนน้อย เพื่อทดลอง เรียนรู้10. ตัวอย่างการคำนวณต้นทุน-กำไร(ดูตัวอย่างในข้อความก่อนหน้า)11. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมกรมประมงศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงสัตว์น้ำใกล้บ้านท่านคำแนะนำ: คู่มือนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ควรศึกษาเพิ่มเติม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปูนา! 😊
ปูนา สัตว์น้ำจืดชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย
ข้อมูลเกี่ยวกับปูนาให้คุณได้ เช่นลักษณะ: ปูนามีกระดองสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม มีก้ามใหญ่แข็งแรง ใช้สำหรับขุดรู และหาอาหารถิ่นที่อยู่: พบได้ทั่วไปในนาข้าว ทุ่งนา บริเวณน้ำขัง หนอง บึงอาหาร: ปูนากินพืชและสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร เช่น ไส้เดือน ลูกปลา แมลงความสำคัญ: ปูนาเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย นำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ส้มตำปู ปูนาดอง นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยกำจัดศัตรูพืชในนาข้าวอีกด้วย
....................................................
การเลี้ยงปูนาเพื่อการค้า กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นอาชีพที่ลงทุนน้อย แต่สร้างรายได้ดี
นี่คือวิธีการเลี้ยงปูนาเพื่อการค้าในเบื้องต้น:
1. การเตรียมบ่อเลี้ยง
บ่อปูน: แข็งแรง ดูแลง่าย แต่ลงทุนสูง
บ่อดิน: ขุดง่าย ลงทุนต่ำ แต่ต้องระวังเรื่องตลิ่งพัง และน้ำขุ่น
บ่อพลาสติก: เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่จำกัด เคลื่อนย้ายสะดวก
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการทำบ่อ
ขนาด: ขึ้นอยู่กับปริมาณปูนาที่ต้องการเลี้ยง
ความลึก: อย่างน้อย 1 เมตร ป้องกันปูนาปีนหนี
ร่มเงา: ควรมีร่มเงา ปลูกพืชน้ำ เพื่อควบคุมอุณหภูมิ
ระบบน้ำ: น้ำต้องสะอาด มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ regularly
2. การคัดเลือกพันธุ์
เลือกปูนาที่แข็งแรง กระดองสมบูรณ์ ไม่แตกหัก
ขนาดใกล้เคียงกัน เพื่อป้องกันการกัดกันเอง
ควรเลือกปูนาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
3. การให้อาหาร
อาหารเม็ดสำเร็จรูป: สะดวก แต่ต้นทุนสูง
อาหารสด: เช่น ไส้เดือน ลูกปลา กุ้งฝอย
ผัก ผลไม้: เช่น ใบผักบุ้ง กล้วยสุก
4. การดูแลรักษา
ตรวจสอบคุณภาพน้ำ regularly
กำจัดเศษอาหาร ป้องกันน้ำเน่าเสีย
สังเกตอาการป่วยของปูนา
5. การตลาด
ขายส่งให้กับร้านอาหาร แม่ค้าในตลาด
แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ปูนาดอง น้ำปู
ขายผ่านช่องทางออนไลน์
ข้อควรระวัง
ศึกษาข้อมูลการเลี้ยงปูนาอย่างละเอียด
ควบคุมคุณภาพ บริหารจัดการต้นทุน
หาตลาดรองรับผลผลิต
**นอกจากนี้ คุณสามารถขอคำแนะนำจากกรมประมง หรือ ศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงปูนาใกล้บ้านคุณได้ **
การเลี้ยงปูนาเป็นอาชีพที่น่าสนใจ แต่ต้องอาศัยความรู้ ความขยัน และความอดทน ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปูนานะคะ
..........................................
ถ้าจะเริ่มเลี้ยง ควรเริ่มเดือนไหน
....
การเริ่มเลี้ยงปูนาให้ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงเดือนที่เริ่มเลี้ยงด้วย โดยทั่วไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มเลี้ยงปูนาคือ ช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน
เหตุผลที่ควรเริ่มเลี้ยงปูนาช่วงต้นฤดูฝน
สภาพแวดล้อมเหมาะสม:
มีฝนตกสม่ำเสมอ อากาศเย็น ความชื้นสูง เหมาะกับการดำรงชีวิตของปูนา
แหล่งน้ำตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ หาอาหารได้ง่าย
ปูนาพร้อมผสมพันธุ์:
ช่วงต้นฤดูฝน ปูนาจะเริ่มผสมพันธุ์ ทำให้มีโอกาสได้ลูกปูนามากขึ้น
ลูกปูนาที่เกิดในช่วงนี้ จะแข็งแรง โตเร็ว
ราคาดี:
ปูนาเป็นที่ต้องการในช่วงฤดูฝน ราคาจึงค่อนข้างสูง
เริ่มเลี้ยงช่วงนี้ จะสามารถขายปูนาได้ราคาดี
ข้อควรระวัง
เตรียมบ่อให้พร้อม: ก่อนปล่อยปูนา ต้องมั่นใจว่าบ่อเลี้ยงมีความพร้อม น้ำสะอาด มีอาหาร และระบบป้องกันศัตรู
เลือกพันธุ์ปูนา: เลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ปูนาแข็งแรง ปราศจากโรค
ศึกษาข้อมูล: ก่อนเริ่มเลี้ยง ควรศึกษาข้อมูล เทคนิคการเลี้ยง การดูแล และการป้องกันโรค
**อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงปูนาสามารถเลี้ยงได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงต้นฤดูฝนจะมีข้อได้เปรียบมากกว่า **
...........................................
การเลี้ยงปูนาในพื้นที่ดิน แล้วเอาตาข่ายล้อม ทำได้ไหม แบบทุงนา สัก 50 ตารางวา
...
การเลี้ยงปูนาในพื้นที่ดินแบบทุ่งนาขนาด 50 ตารางวา โดยใช้ตาข่ายล้อม สามารถทำได้ค่ะ แต่มีข้อควรพิจารณาและข้อควรระวังหลายอย่าง ดังนี้
ข้อดี
ลงทุนต่ำ: ใช้พื้นที่ที่มีอยู่แล้ว
จัดการง่าย: ใกล้เคียงกับธรรมชาติ
ปูนาแข็งแรง: เติบโตในสภาพแวดล้อมกึ่งธรรมชาติ
ข้อควรพิจารณา
ความลึกของดินและระดับน้ำ: ดินต้องอุ้มน้ำได้ดี มีระดับน้ำที่เหมาะสม ป้องกันปูนาหนี และศัตรู
ตาข่าย: ต้องแข็งแรง ทนทาน ป้องกันปูนาปีนหนี และศัตรูเข้า
การควบคุมศัตรู: เช่น นก หนู งู ต้องมีวิธีป้องกัน
การให้อาหาร: อาจกระจายอาหารได้ยาก
การจับ: ทำได้ยากกว่าบ่อ
ข้อควรระวัง
น้ำท่วม: ถ้าพื้นที่น้ำท่วมขังง่าย ปูนาอาจหนีไปได้ ต้องระวังเรื่องการระบายน้ำด้วย
สารเคมี: ถ้าพื้นที่โดยรอบใช้สารเคมีในการเกษตร อาจไหลลงมาปนเปื้อนในบ่อเลี้ยงได้
คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรเริ่มจากพื้นที่เลี้ยงขนาดเล็กก่อน เพื่อทดลองและเรียนรู้ระบบนิเวศ
ปลูกพืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง เพื่อเป็นร่มเงาและเป็นอาหาร
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมประมง หรือ ศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงปูนา
การเลี้ยงปูนาในนาข้าวแบบนี้ ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ และควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าทำได้ ก็จะเป็นแหล่งรายได้ที่ดีอีกทางหนึ่งค่ะ
.................................................................................
พื้นที่เลี้บง 50ตารางวา เป็นบ่อเท่าไร พื้นดินเท่าไร
.
การแบ่งสัดส่วนพื้นที่เลี้ยงปูนา 50 ตารางวา เป็นบ่อและพื้นดิน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
ความลาดเอียงของพื้นที่: ถ้าพื้นที่ลาดเอียง อาจต้องทำบ่อขนาดเล็กหลายๆ บ่อ
ความสะดวกในการดูแล: บ่อขนาดเล็กดูแลง่ายกว่า
งบประมาณ: การสร้างบ่อมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ตัวอย่างการแบ่งพื้นที่ (เป็นแนวทาง)
แบบที่ 1: เน้นเลี้ยงในบ่อ
บ่อ: 40 ตารางวา (แบ่งเป็นบ่อขนาดเล็ก 2-4 บ่อ)
พื้นดิน: 10 ตารางวา (ปลูกพืช ร่มเงา เป็นพื้นที่จัดการ)
แบบที่ 2: เน้นเลี้ยงแบบธรรมชาติ
บ่อ: 20 ตารางวา (เป็นบ่อพักน้ำ หรือ แหล่งน้ำสำรอง)
พื้นดิน: 30 ตารางวา (ปรับพื้นที่ ปลูกพืช ทำร่องน้ำ)
ข้อแนะนำ
ควรออกแบบให้มีพื้นที่เดินตรวจสอบได้สะดวก
จัดระบบระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมขัง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือ ศึกษาจากฟาร์มเลี้ยงจริง
หมายเหตุ:
การแบ่งสัดส่วนนี้เป็นเพียงตัวอย่าง
ควรปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่และรูปแบบการเลี้ยงที่ต้องการ
....................
ปูอยู่ในน้ำหรือบนดินมากกว่าในแต่ละวัน
ปูนา แม้จะเป็นสัตว์น้ำจืด แต่ใช้เวลาอยู่ บนดินมากกว่าในน้ำ ในแต่ละวันค่ะ
โดยทั่วไป ปูนาจะขึ้นมาบนบกในช่วงเย็นถึงกลางคืน เพื่อหาอาหาร ผสมพันธุ์ และหลบภัยจากศัตรูในน้ำ ส่วนช่วงกลางวันที่มีแดดร้อน ปูนาจะหลบอยู่ในรู บนพื้นดิน หรือในน้ำตื้นๆ เพื่อรักษาความชื้น
ดังนั้น ถ้าพูดถึงเวลาในแต่ละวัน ปูนาจะอยู่บนดินมากกว่าในน้ำค่ะ 😊
.....................
อาหารของปูนา คืออะไร
.....
ปูนาเป็นสัตว์กินไม่เลือก (omnivore) อาหารของปูนาจึงมีความหลากหลาย กินได้ทั้งพืชและสัตว์
อาหารของปูนา
พืช:
ส่วนต่างๆ ของต้นข้าว: ใบอ่อน ราก
พืชน้ำ: สาหร่าย ผักบุ้ง
ผลไม้: กล้วยสุก มะละกอสุก
สัตว์:
สัตว์น้ำขนาดเล็ก: ลูกปลา กุ้งฝอย แมลงน้ำ
ซากสัตว์: ซากปลา ซากกบ
ไส้เดือน: เป็นอาหารโปรตีนสูงที่ปูนาชื่นชอบ
ปัจจัยที่มีผลต่ออาหารปูนา
ช่วงอายุ: ลูกปูนาต้องการอาหารโปรตีนสูง
สภาพแวดล้อม: อาหารตามธรรมชาติ
การเลี้ยง: อาหารที่จัดหาให้
ข้อสังเกต
ปูนากินอาหารได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่จะกินมากในช่วงค่ำ
อาหารที่หลากหลาย จะช่วยให้ปูนาแข็งแรง โตไว
.................
หลักการให้อาหาร ใหแบบไหน
การให้อาหารปูนามีหลักการสำคัญ คือ "เพียงพอ หลากหลาย และสะอาด" เพื่อให้ปูนาแข็งแรง โตเร็ว และป้องกันน้ำเสีย
วิธีการให้อาหารปูนา
1. เลือกชนิดอาหารให้เหมาะสม
อาหารสำเร็จรูป: สะดวก ควบคุมคุณภาพได้ง่าย แต่ราคาสูง
เลือกสูตรที่เหมาะกับช่วงอายุ (ลูกปูนา/ปูนาโต)
ปริมาณโปรตีน 30-35%
อาหารสด: ราคาถูก ใกล้เคียงธรรมชาติ
ผัก ผลไม้ สับเป็นชิ้นเล็กๆ
ไส้เดือน กุ้งฝอย
กระจายให้ทั่วถึง
อาหารเสริม: เพิ่มแคลเซียม
เปลือกไข่บด
กระดองปลาหมึก
2. กำหนดปริมาณและเวลา
ปริมาณ: 5-10% ของน้ำหนักตัวปูนาต่อวัน (ปรับตามชนิดอาหาร)
แบ่งให้: 2 มื้อ เช้า-เย็น
สังเกต: ถ้าอาหารเหลือ ลดปริมาณลง
3. จัดการพื้นที่ให้อาหาร
ภาชนะ: ใช้ถาด/บ่อปูน ทำความสะอาดง่าย
บริเวณ: น้ำตื้น ปูนาขึ้นมากินง่าย
กำจัดเศษอาหาร: ป้องกันน้ำเน่าเสีย
ข้อควรระวัง
ห้ามให้อาหารเน่าเสีย: ทำให้ปูนาป่วยได้
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด: เป็นอันตรายต่อปูนา
ควบคุมคุณภาพน้ำ: เปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำ
การให้อาหารที่ถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญของการเลี้ยงปูนา ใส่ใจในรายละเอียด รับรองว่าปูนาของคุณจะโตไว แข็งแรง สร้างรายได้งามแน่นอนค่ะ 😊
.................
รายจ่ายเริ่มต้นในการเลี้ยง โดยประมาณ ราคาขายทั่วไป ต้นทุนและกำไร ที่คาดว่าจะได้ ลองคำนวนคร่าวๆ
.
ประเมินรายจ่ายเริ่มต้น ต้นทุน กำไร การเลี้ยงปูนา (คร่าวๆ)
สมมติฐาน
เลี้ยงแบบบ่อดิน ขนาดเล็ก 50 ตารางวา
ปล่อยปูนา 200 กิโลกรัม (ความหนาแน่นปานกลาง)
ระยะเวลาเลี้ยง 4-5 เดือน
1. รายจ่ายเริ่มต้น (ครั้งเดียว)
3. รายรับ (ประมาณ)สมมติปูนาที่จับขายได้ 150 กิโลกรัม (75% ของที่ปล่อย)ราคาขายเฉลี่ย 150 บาท/กิโลกรัมรายรับ = 150 กก. x 150 บาท/กก. = 22,500 บาท4. กำไร (ประมาณ)กำไร = รายรับ - ต้นทุน = 22,500 - 33,000 = -10,500 บาทสรุปจากการคำนวณคร่าวๆ การเลี้ยงปูนาในครั้งแรก อาจจะ "ขาดทุน" เนื่องจากมี "รายจ่ายเริ่มต้น" สูงปัจจัยที่ส่งผลต่อกำไรราคาปูนา: ราคาขายส่ง/ขายปลีก ฤดูกาลอัตราการรอด: โรค ศัตรู การจัดบ่อต้นทุนอาหาร: สูตรอาหาร แหล่งที่มาระยะเวลาเลี้ยง: ขนาดปูนาที่ต้องการขายคำแนะนำศึกษาข้อมูลการเลี้ยงอย่างละเอียดควบคุมต้นทุน หาแหล่งซื้อพันธุ์/อาหารราคาถูกเพิ่มช่องทางการขาย เช่น แปรรูป ขายออนไลน์หมายเหตุ: ตัวเลขทั้งหมดเป็นการประมาณการ ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป ควรใช้ข้อมูลนี้เป็นแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น
........
การตลาดปูนา มีหลายช่องทางที่น่าสนใจ ขึ้นอยู่กับ
ปริมาณผลผลิต: เลี้ยงมากน้อยแค่ไหน
กลุ่มเป้าหมาย: ต้องการขายใคร
ความสามารถในการจัดการ: ทำอะไรได้บ้าง
แนวทางการตลาดปูนา
1. เน้นขายส่ง (ปริมาณมาก)
เป้าหมาย: พ่อค้าคนกลาง ร้านอาหาร
ข้อดี: ขายได้จำนวนมาก ราคาต่อหน่วยต่ำกว่า
ข้อจำกัด: กำไรต่อหน่วยน้อย อาจโดนกดราคา
สิ่งที่ต้องทำ: หาลูกค้าประจำ ตกลงราคา การขนส่ง
2. เน้นขายปลีก (ปริมาณน้อย-ปานกลาง)
เป้าหมาย: ผู้บริโภคโดยตรง
ช่องทาง:
ตลาดสด: เช่าแผง ขายเอง
ฝากขาย: ร้านค้า แผงอาหาร
ออนไลน์: Facebook, Line, แอพฯ ส่งอาหาร
ข้อดี: กำไรต่อหน่วยสูงกว่า
ข้อจำกัด: ขายได้จำนวนน้อย ต้องทำการตลาด
3. เพิ่มมูลค่า แปรรูป
ผลิตภัณฑ์:
ปูนาดอง
น้ำปู
ปูจ๋า
ข้าวเกรียบปู
ข้อดี: ราคาสูงขึ้น เก็บรักษาได้นาน
ข้อจำกัด: ลงทุนเพิ่ม ความรู้ การตลาด
4. สร้างแบรนด์ (ระยะยาว)
จุดเด่น: ปูนาออร์แกนิค เลี้ยงแบบธรรมชาติ
บรรจุภัณฑ์: สวยงาม สะดุดตา
ช่องทาง: ร้านค้าเฉพาะ ออนไลน์
ข้อดี: ราคาสูง ฐานลูกค้าชัดเจน
ข้อจำกัด: ใช้เวลา การตลาด ควบคุมคุณภาพ
คำแนะนำ:
เริ่มจากง่าย ไปหายาก: ขายส่ง/ปลีก ก่อนแล้วค่อยแปรรูป
สำรวจตลาด: ราคา ความต้องการ คู่แข่ง
สร้างความแตกต่าง: คุณภาพ บริการ ช่องทางขาย
ใช้สื่อออนไลน์: ประชาสัมพันธ์ เข้าถึงลูกค้า
การตลาดที่ดี คือการตอบโจทย์ลูกค้า และสร้างกำไรอย่างยั่งยืน ขอให้ประสบความสำเร็จในการขายปูนานะคะ
.............................
ปูนาดอง เป็นเมนูยอดนิยม รสชาติแซ่บ ทำง่าย เก็บไว้กินได้นาน
วิธีทำปูนาดอง
ส่วนผสม
ปูนาสด 1 กิโลกรัม
เกลือเม็ด 1/2 ถ้วย
น้ำสะอาด
ขวดแก้ว/โหลแก้ว (ลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อแล้ว)
วิธีทำ
ล้างปูนา:
แช่ปูนาในน้ำสะอาด 3-4 น้ำ เพื่อล้างดินโคลน
หรือ แช่น้ำเกลืออ่อนๆ ช่วยให้ปูนาคายของเสีย
ฆ่าเชื้อ:
นำปูนาไปแช่ในน้ำเกลือเข้มข้น ประมาณ 30 นาที
หรือ ลวกปูนาในน้ำเดือด 1-2 นาที
เตรียมน้ำดอง:
ผสมน้ำสะอาดกับเกลือ คนให้ละลาย
ชิมรสชาติ ให้เค็มนำ (ป้องกันการเน่าเสีย)
ดองปูนา:
เรียงปูนาในภาชนะที่เตรียมไว้
เทน้ำดองให้ท่วมปูนา
ปิดฝาให้สนิท
หมัก:
ดองไว้ในตู้เย็น อย่างน้อย 3-5 วัน
น้ำดองจะเปลี่ยนสี เนื้อปูนาจะเริ่มแข็งตัว
เคล็ดลับ
เลือกปูนาที่สด แข็งแรง
ใช้เกลือเม็ด ไม่ใช้เกลือไอโอดีน (ทำให้ขุ่น)
น้ำดองที่เค็ม ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา
หมักยิ่งนาน ยิ่งอร่อย (แต่ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์)
ข้อควรระวัง
ปูนาดองที่เน่าเสีย จะมีกลิ่นเหม็น น้ำขุ่น เนื้อเละ
ไม่ควรกินปูนาดองดิบ ควรลวก/นึ่ง ให้สุกก่อน
เมนูจากปูนาดอง
ส้มตำปูนาดอง
ยำปูนาดอง
แกงส้มปูนาดอง
ปูนาดอง เป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อย เก็บไว้กินได้นาน ลองทำดูนะคะ
........................
น้ำปู เป็นเครื่องปรุงรสเด็ด ที่ให้กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม นิยมใช้ในอาหารอีสานและอาหารไทยหลายเมนู
วิธีทำน้ำปู
ส่วนผสม
ปูนาดอง 1 กิโลกรัม
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มสุก 1/2 ถ้วย (ปรับได้)
ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีทำ
เตรียมปูนาดอง:
ล้างปูนาดองด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง
แกะกระดองปูนาออก (เก็บไว้ทำเมนูอื่น)
โขลก/ปั่น:
นำเนื้อปูนาดอง เกลือ และน้ำต้มสุก ใส่ครก/เครื่องปั่น
โขลก/ปั่นให้ละเอียด เข้ากันดี
กรอง:
ใช้ผ้าขาวบาง กรองน้ำปู ลงในชามผสม
บีบคั้น ให้ได้น้ำปู มากที่สุด
เคี่ยว:
เทน้ำปูที่กรองแล้ว ลงในหม้อ
ใส่ใบเตยลงไป เพื่อดับกลิ่นคาว
เคี่ยวด้วยไฟอ่อน จนน้ำปูเดือด และข้นขึ้น
พักให้เย็น:
ตักน้ำปูใส่ขวดแก้ว/โหลแก้ว (ลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อแล้ว)
ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในตู้เย็น
เคล็ดลับ
ปูนาดองที่ใหม่ จะมีรสชาติเค็ม ไม่ต้องใส่เกลือเพิ่มมาก
ใบเตย ช่วยดับกลิ่นคาว และเพิ่มความหอม
เคี่ยวนาน น้ำปูจะข้น และเก็บได้นานขึ้น
น้ำปูที่ดี จะมีสีน้ำตาลเข้ม ข้น ไม่เหลวเป็นน้ำ
ข้อควรระวัง
รักษาความสะอาด ภาชนะ และอุปกรณ์
น้ำปูที่เสีย จะมีกลิ่นเหม็น ขึ้นรา
เมนูจากน้ำปู
ส้มตำปูปลาร้า
แกงเห็ดใส่ปลาร้า
หลนปู
น้ำปู เป็นเครื่องปรุงรส ที่ช่วยเพิ่มรสชาติ และกลิ่นหอม ให้กับอาหาร ลองทำดูนะคะ
.....................
ปูจ๋า เป็นเมนูอาหารว่าง หรือกับข้าว ที่ทำจากเนื้อปู ปรุงรส นึ่งจนสุก หอมกลิ่นพริกไทย
วิธีทำปูจ๋า
ส่วนผสม
เนื้อปูนึ่งสุก 1 ถ้วย (แกะเอาแต่เนื้อ)
หมูสับ 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
รากผักชี 3-4 ราก (สับละเอียด)
กระเทียม 5-6 กลีบ (สับละเอียด)
พริกไทยดำ 1 ช้อนชา (โขลกหยาบ)
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด 5-6 ใบ (ซอยละเอียด)
พริกชี้ฟ้าแดง (หั่นฝอย สำหรับแต่งหน้า)
ใบผักกาดขาว (สำหรับรองนึ่ง)
วิธีทำ
ผสมส่วนผสม: นำเนื้อปู หมูสับ ไข่ไก่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลา น้ำตาลทราย และใบมะกรูดซอย ใส่ในชามผสม
โขลก/ผสม: ใช้สาก/ทัพพี โขลกเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันดี หรือใช้เครื่องบดสับ (ไม่ต้องละเอียดมาก)
เตรียมนึ่ง:
ตัดใบผักกาดขาว รองในลังถึง
ตักส่วนผสมปู วางบนใบผักกาดขาว
โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดง (เพื่อความสวยงาม)
นึ่ง: ตั้งน้ำในลังถึงให้เดือด นำปูจ๋าขึ้นนึ่ง ใช้ไฟกลาง ประมาณ 20-25 นาที จนสุก
จัดเสิร์ฟ: ตักปูจ๋า จัดใส่จาน ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือซอสพริก
เคล็ดลับ
เนื้อปู: ใช้ปูนึ่ง หรือปูดอง (ล้างน้ำก่อน)
หมูสับ: ช่วยเพิ่มความนุ่ม
ไข่ไก่: ช่วยให้ปูจ๋า อยู่ตัว
พริกไทย: ใส่เยอะ จะหอม และเผ็ดร้อน
ใบมะกรูด: เพิ่มความหอม
นึ่ง: ใช้ไฟกลาง ไม่แรงเกินไป ปูจ๋าจะไม่แตก
ปูจ๋า เป็นเมนูที่ทำไม่ยาก เหมาะสำหรับทำกินเอง หรือทำขาย ลองทำดู
.........................
นอกจากปูนาดอง น้ำปู และปูจ๋าแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปูอีกหลายอย่างที่น่าสนใจและทำตลาดได้จริง โดยเน้นความแปลกใหม่ สะดวก และเก็บรักษาได้นาน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปู ที่น่าสนใจ
1. ของกินเล่น/อาหารทานง่าย
ปูอัด: ปรับสูตรจากเนื้อปลา ผสมเนื้อปู เพิ่มรสชาติ (แบบแท่ง แบบแผ่น)
ข้าวเกรียบปู: ผสมเนื้อปูในแป้งข้าวเกรียบ เพิ่มรสชาติ กลิ่นหอม
ปูแผ่นอบกรอบ: เนื้อปูปรุงรส อบหรือทอดกรอบ คล้ายสาหร่าย
ลูกชิ้นปู: นำเนื้อปูมาผสมกับส่วนผสมลูกชิ้น เพิ่มรสชาติและความแปลกใหม่
ขนมปังไส้ปู: เมนูทานง่าย
ปูผัดพริกขี้หนูบรรจุกระป๋อง: พร้อมทาน
2. ผลิตภัณฑ์ปรุงรส
น้ำพริกปู: สูตรน้ำพริกต่างๆ ผสมเนื้อปู
ผงปรุงรสปู: โรยอาหาร เพิ่มรสชาติ
น้ำซุปสกัดเข้มข้น: จากเปลือกปู
3. ผลิตภัณฑ์แช่แข็ง
เนื้อปูก้อน แช่แข็ง: สะดวก ใช้ปรุงอาหาร
ปูม้า/ปูดำ นึ่งแช่แข็ง: พร้อมทาน/ปรุงสุก
4. ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกปู: สำหรับเกษตรกร
อาหารสัตว์จากเปลือกปู: โปรตีนสูง
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
ศึกษาความต้องการตลาด: กลุ่มเป้าหมาย รสชาติ ราคา
สร้างจุดเด่น: รสชาติ วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ เรื่องราว
ควบคุมคุณภาพ: ความสะอาด รสชาติ มาตรฐาน
ช่องทางการจัดจำหน่าย: ออนไลน์ ร้านค้า
ทำการตลาด: ประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น
การแปรรูป เป็นการเพิ่มมูลค่า และยืดอายุ ให้กับผลผลิต ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำตลาด
.......................................