ปล..ไม่ต้องมาดูที่สวนหรอกครับ
เอาเงิน ที่เดินทาง ทำทุนไปก่อนเลย
มีน้อย ทำน้อย เดี๋ยวก็มาก.....
ปลูกกไว้ตรงไหนก่อน ก็ได้ หลังห้องน้ำ หลังครัว คันนา คันที่
หน่อเยอะ แล้วขยายไปครับ
เอาเงิน ที่เดินทาง ทำทุนไปก่อนเลย
มีน้อย ทำน้อย เดี๋ยวก็มาก.....
ปลูกกไว้ตรงไหนก่อน ก็ได้ หลังห้องน้ำ หลังครัว คันนา คันที่
หน่อเยอะ แล้วขยายไปครับ
ยังไง ต้องลงมือก่อน อย่าให้เสียเวลาผ่านไป ปีแล้วปีเล่า
*************************
ตอบ ทีละคนไม่ไหว ตอบรวมๆละกัน
.
กล้วยหอม..อะไรมันก็ขายได้ ถ้ามันได้ขนาด แล้วห่อด้วย
.
ไม่งั้นมันจะได้กล้วยหอมลาย มันตกเกรด เหลือ 5 บาท/โล
ทำกล้วยหอม ต้องห่อ ต้องค้ำ
.
บางคนบอกลุงขายแพง..มันก็ต้องกินต้องใช้ ไม่ได้ทำการกุศล
.
ขายแพง ตอนตัดก็ไม่กดราคา
หน่อถูกๆ เกิดขายไม่ได้ ทำไง เขาไม่ได้ช่วยกันแบบลุง ขายแล้วก็ไป ตัวใครตัวมัน
.
วันข้างหน้า ก็ยังมีสิ่งดีๆ ที่จะให้กัน ขอให้มันมีของก่อนเหอะ
.
ที่ไหนก็ปลูกได้ทั่วไทย นั่นละ มีน้ำ มีทางระบายน้ำ ทำคันล้อมกันน้ำท่วม ในพื้นที่เสี่ยง
.
ระยะห่างมันได้ตั้งแต่ 1.5-2 เมตรนั่นละ อยู่ที่การจัดการ เวลา เพราะกล้วยหอมใบมันน้อยกว้า น้ำว้า
.
ราคามันอยู่ที่ 12-17 บาสทต่อโล กลางๆ ก็คำนวนจาก 14-15 บาท เฉลี่ย(แล้วแต่ความต้องการของตลาด มีขึ้นมีลง ต้องยอมรับตรงนี้)
.
อันนี้ความชอบส่วนตัว
ลุงชอบปลูก คาเวนดิช เพราะน้ำหนักต่อเครือ มันสูงกว่า หอมทอง
รายได้ต่อไร่ มันสูงกว่า
.
แต่ๆๆๆ...ถ้าจะขายเอง มันต้องทำตู้บ่มเสียหน่อย แจ๋วเลย มันจะเหลือแบบหอมททอง เพราะมันต้องคุม ความเย็น เวลาที่ใช้บ่ม
.
เอาแกสก้อน บ่มไม่เหลืองนะ อันนี้ละข้อจำกัด ของชาวสวนทั่วไป(ไม่ใช่ลุงนะ ลุงทำในสิ่งที่ต้องทำ)
.
ถ้าจะขายเองให้ไปปลูก กล้วยหอมทอง จะง่ายกว่า
ไร่นึง 400 ต้น คาเวนดิช จะได้ 6-8 ตัน หอมทองจะน้อยกว่า โดยเฉลี่ย.........คือ สองคันรถปิ๊กอัพ รายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย 1 แสนบาท โดยประมาณ บวก ลบ แล้วแต่ความสนใจ ของเจ้าของสวน
.
การตัด จะมีรถไปถึงสวน ราคาว่ากัน นะวัน นั้นๆ ขึ้นลง ตามตลาด
สวนจร ก็กดราคานิดนึง สวนประจำก็ราคา ปกติ 5555
พอละ ...จบ
*************************
ตอบ ทีละคนไม่ไหว ตอบรวมๆละกัน
.
กล้วยหอม..อะไรมันก็ขายได้ ถ้ามันได้ขนาด แล้วห่อด้วย
.
ไม่งั้นมันจะได้กล้วยหอมลาย มันตกเกรด เหลือ 5 บาท/โล
ทำกล้วยหอม ต้องห่อ ต้องค้ำ
.
บางคนบอกลุงขายแพง..มันก็ต้องกินต้องใช้ ไม่ได้ทำการกุศล
.
ขายแพง ตอนตัดก็ไม่กดราคา
หน่อถูกๆ เกิดขายไม่ได้ ทำไง เขาไม่ได้ช่วยกันแบบลุง ขายแล้วก็ไป ตัวใครตัวมัน
.
วันข้างหน้า ก็ยังมีสิ่งดีๆ ที่จะให้กัน ขอให้มันมีของก่อนเหอะ
.
ที่ไหนก็ปลูกได้ทั่วไทย นั่นละ มีน้ำ มีทางระบายน้ำ ทำคันล้อมกันน้ำท่วม ในพื้นที่เสี่ยง
.
ระยะห่างมันได้ตั้งแต่ 1.5-2 เมตรนั่นละ อยู่ที่การจัดการ เวลา เพราะกล้วยหอมใบมันน้อยกว้า น้ำว้า
.
ราคามันอยู่ที่ 12-17 บาสทต่อโล กลางๆ ก็คำนวนจาก 14-15 บาท เฉลี่ย(แล้วแต่ความต้องการของตลาด มีขึ้นมีลง ต้องยอมรับตรงนี้)
.
อันนี้ความชอบส่วนตัว
ลุงชอบปลูก คาเวนดิช เพราะน้ำหนักต่อเครือ มันสูงกว่า หอมทอง
รายได้ต่อไร่ มันสูงกว่า
.
แต่ๆๆๆ...ถ้าจะขายเอง มันต้องทำตู้บ่มเสียหน่อย แจ๋วเลย มันจะเหลือแบบหอมททอง เพราะมันต้องคุม ความเย็น เวลาที่ใช้บ่ม
.
เอาแกสก้อน บ่มไม่เหลืองนะ อันนี้ละข้อจำกัด ของชาวสวนทั่วไป(ไม่ใช่ลุงนะ ลุงทำในสิ่งที่ต้องทำ)
.
ถ้าจะขายเองให้ไปปลูก กล้วยหอมทอง จะง่ายกว่า
ไร่นึง 400 ต้น คาเวนดิช จะได้ 6-8 ตัน หอมทองจะน้อยกว่า โดยเฉลี่ย.........คือ สองคันรถปิ๊กอัพ รายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย 1 แสนบาท โดยประมาณ บวก ลบ แล้วแต่ความสนใจ ของเจ้าของสวน
.
การตัด จะมีรถไปถึงสวน ราคาว่ากัน นะวัน นั้นๆ ขึ้นลง ตามตลาด
สวนจร ก็กดราคานิดนึง สวนประจำก็ราคา ปกติ 5555
พอละ ...จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น