วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ผู้ป่วยเบาหวานทานได้ไหม



ยังไม่พบรายงานการวิจัยผลของการรับประทานอินทผลัมในผู้ป่วยเบาหวาน 
จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าควรรับประทานในขนาดเท่าไรจึงจะเหมาะสม 
อย่างไรก็ตามในอินทผลัมเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลอยู่สูงมาก 
ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานงดเว้นหรือลดการรับประทานน้ำตาล 
ดังนั้นหากต้องการรับประทานควรแต่น้อย ไม่ควรเกินวันละ 1-3 ผล

นอกจากนี้ผลของอินทผลัมมีโปแทสเซียมสูง 
จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีความบกพร่องในการขจัดโปแทสเซียมออกจากร่างกาย 

เช่น ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เบาหวาน และภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อป้องกันภาวะการมีโปแทสเซียมมากเกิน (hyperkalemia) ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้  

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทำอาการเลี้ยงสัตว ง่ายๆ จากสวนหลังบ้าน(ที่ลุงทำเลี้ยงห่านอยู่นี่ละ)


ใช้เลี้ยงสัตวได้ทุกชนิด เพิ่มคุณค่าราคาประหยัด
หยวกกล้วย 10 กิโล
เกลือ 1 ขีด
กากน้ำตาล 0.4 ขีด
เอาทั้งหมดใส่ถังหมักปิดฝา
หมักไว้ 5 วัน
.
เอาไปเลี้ยงสัตว์ได้ทุกชนิด
เป็นการลดต้นทุน ที่คุ้มค้าที่สุด


วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ลองมาดูใบไม่ที่คุณๆขอนเอาไปเผาทิ้งกัน ก็คือเอาปุ๋ยไปทิ้งนั่งละครับ


เอาใบไม่มาใส่สวนก็คือใส่ปุ๋ยนั่นละ
ใบไม้แต่ละชนิดจะมีค่าของธาตุอาหารที่ต่างๆกัน
จามจุรี ก็จะมี N เยอะ เพราะเป็นพืชตะกลูถั่ว แบบนี้ละ
.
ที่นี้ลองมาดูใบไม่ที่คุณๆขอนเอาไปเผาทิ้งกัน ก็คือเอาปุ๋ยไปทิ้งนั่งละครับ
.
ตัวอย่าง
ทุเรียน เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้อเข้าสูตรปุ๋ยนะ
#ทุเรียนมีประมาณ
N - 2.0-2.4%
P - 0.35-0.38%
K - 1.8-3.0%
#มาดูมังคุด
N - 1.0-1.4%
P - 0.12-0.18%
K - 0.72-1.32%
.
ฉนั้นการที่คุณเอาไบไม้ไปทิ้ง ไปเผา นอกแปลง นั่นก็คือ คุณจะต้องเติมปุ๋ยเข้าไปในปริมาณที่คุณเอาไปทิ้งหรือมากกว่านิดหน่อย+กับผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ ดินตรงนั้น จึงจะมีอาหารเท่าเดิม อยู่ตลอดเวลา
.
แต่ถ้าคุณหาใบไม่มาเติมอยู่ตลอดเวลาอย่างลุง นั่นคือดินจะมีอาหารอย่างเพียงพอโดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยที่ตลาดอีกต่อไป
.
(อันนี้ความคิดของลุง แคลเซียมที่มันไปอยู่ที่ใบ มันน่าจะเยอะตามไปด้วย เพราะมันเคลื่อนที่เองไม่ได้ ฉนั่นมันจะต้องตกค้างอยู่ที่ใบนั่นละ)



วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

#ดินไม่ใช่แหล่งอาหารที่ไม่มีวันสิ้นสุด #เอาธาตุอาหารออกไปเท่าไรต้องเติมลงไปเท่านั้น


หลักการและแนวคิด ในการคิดและมองเรื่องการใส่ปุ๋ย
จำให้ขึ้นใจ
#ดินไม่ใช่แหล่งอาหารที่ไม่มีวันสิ้นสุด
#เอาธาตุอาหารออกไปเท่าไรต้องเติมลงไปเท่านั้น
โดยคิดจากมวลแห้ง เออ..น้ำหนักแห้งนั่นละ 555
จากทั้งใบ เปลือก ผล
น้ำหนักแห้ง 100 กิโล จะเป็นธาตุอาหารจริงๆ ประมาณ 1-5%เท่านั้น
ส่วนที่เหลือ มันจะเป็นคาร์บอน ที่ได้จากน้ำและอากาศ
.
พิมพ์นี่มันไม่เหมือนพูดวุ๊ย 5555
.
คุณอยากรู้ว่าต้องใช้ปุ๋ยเท่าไร ก็ลองๆเอา ทั้งหมดของ 1 ต้น ที่หล่มลงมาและเก็บได้ ไปตากแห้ง นั่งรวมสัก 1 ฤดูการเก็บเกี่ยว ทั้งตั้นใบกิ่งผลผลิต นั่นเอาไปชั่ง แล้วคุณด้วย 1-5% นั่ลละคือปุ๋ยที่ต้องใส่ตลอด ฤดูการเก็บเกี่ยวนั่นๆ ต่อต้นหรือต่อไร่ ก็ตามพื้นที่ๆคุณเก็บ
.
ส่วนจะแยกว่า จะใส่อะไรเท่าไร ก็ต้องมานั้งแยกว่า
ใบ 1 ใบ มีวส่วนประกอบของอะไรบ้าง 1ปี หล่นลงมาให้คุณกวาดทั้งเท่าไร
กิ่งไม้ที่หล่อนให้คุณเอาทิ้ง ประกอบด้วยธาตุอะไรเท่าไร
เปลือกผลที่ได้ มีเท่าไร อะไรบ้าง
เนื้อที่ได้ มีอะไรบ้าง เท่าไร
.
ถ้าเก็บได้ถึงขนาดนี้ เราจะรู้ทันทีว่าการใส่ปุ๋ยได้ถูกต้อง ตามที่ต้นไม้นั่นๆ ต้องการ ไม่ใช่ ใส่สิ่งที่ต้นไม่ ไม่ต้องการอย่างทุกวันนี้.....แล้วผลผลิต มันจะเพิ่มขึ้นเอง
.
อย่างมังคุด ผลแตกตอนฝนตก ก็โทษแต่ฝน...ถ้าฝนทำให้ผลแตก ทำไม มันไม่แตกทุกลูกละ ทำไม มันเลือกแตกบางลูก เนื้อแก้ว ยางไหล เพราะมันใส่ปุ๋ยผิด เท่านั่นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฝนตกเลย.........มังคุดนี่ อัตราการสังเคราะห์แสงตำมาก ใส่ปุ๋ยเท่าไร ก็เหมือนเททิ้ง มันทำได้เท่านั้น เรียกว่าเกือบจะต่ำสุดใสบรรดาผลไม้แล้ว ชนะก็แต่สละ เท่านั้นละ อันนี้ต่ำสุดเลย .......................พอก่อน
ช่างยนต์ ทำเกษตร 5555

ใส่ปุ๋ย ข้าว กข41..


เมื่อวานว่าจะลงเรื่องปาล์ม ไม่มีเวลา
วันนี้เอาสั้นๆ เรื่องข้าวไปก่อน เพราะชาวนาเยอะ
.
กข41
ต้น-ปริมาณธาตุอาหาร เปอร์เซ็นต์ของมวลแห้ง
N- 1.82
P - 0.25
K - 1.84
Ca -0.31
Mg -0.18
Fe - 0.231
Mn - 0.022
Cu- 0.000
Zn - 0.001
B- 0.000
รวม 4.6 %
มาดูส่วนของเมล็ดข้าว กข 41
N- 1.92
P - 0.23
K - 0.29
Ca -0.04
Mg -0.12
Fe - 0.010
Mn - 0.004
Cu- 0.000
Zn - 0.001
B- 0.000
รวม 2.6 %
จากตัวเลขที่มีการวิจัย เราจะเห็นว่า ข้าวไม่ได้ต้องการปุ๋ย 15-15-15เลย เรียกว่า เอา Pหรือฟอสฟอรัสไปเททิ้งลงดินเฉยๆ เพราะพิชไม่ต้องการ
.
ในขณะที่ ข้าวต้องการ ไนโตรเจนกับโพรแทสเซียมในปริมาณที่เท่าๆกัน..เรากลับให้ยูเรียกันซะส่วนใหญ แต่กลับไม่มีการเพิ่ม โพรแทสเซี่ยม
.
ลองเทียบตัวเลขดู ก็จะรู้ว่า ชาวนา บ้านเรารวย เอาปุ๋ยไป ถมที่เล่นกันทุกปี จน P หรือฟอสฟอรัส ล้นแผ่นดิน นั่นคือมันไปกดทับไปเบียดปุ๋ยตัวอื่นให้น้อยลง
.
เหมือนน้ำเต็มแก้ว เมื่อสิ่งใดมัยเยอะ มันย่อมไปทำให้สิ่งอื่นน้อยลง
ผลที่ตามมาคือ...ผลผลิตต่อไร่ น้อยลงทุกปี เมื่อมันน้อยลง ชาวนาก็อัดปุ๋ยเข้าไปอีก มันก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ
.
ตรงนี้คือสาเหตุโดยตรง ที่ไม่มีใครบอกชาวนา ถ้าปรับสูตรปุ๋ยตามปริมาณความต้องการของข้าว
แล้วเอาเงินที่เหลือไปซื้อ แคลเซี่ยม เห็อก ทองแดง แมงกานิส สังกะสี มีใส่ ถ้าทำได้แบบนี้ ทุกปี ผลผลิต ต่อไร่ จะขยับเพิ่มขึ้นเอง โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี่ที่ล้ำสมัยใดๆเลย
ลองเปลี่ยนมาใช้ 15-5-20 ดู ตั้งแต่ปลูก
แล้ว 15-5-5 ตอนมีเมล็ด ก็น่าจะลองดู


ข้าวพันธุ์อื่นก็ใช้สูตรนี้ปะคะ
-ข้าวปทุมธานี 1 ค่าที่วัดได้ต่างกัน แต่สัดส่วน ระนาบเดียวกัน ยกเว้นข้าวขาวดอกมะลิ 105น่าจะ 10-5-20(ไม่รู้มีหรือเปล่า ปุ๋ยสั่งตัด) น่าจะเหมาะกว่าครับตอนเป็นต้น

พืชไร่จะใช้ปุ๋ยแบบไหนดีครับอาจารย์ เช่น ข้าวโพด, มันสำปะหลัง, อ้อย ขอบคุณครับ
- (ผมช่างยนต์อายพวกจบเกษตรนะถ้าผิด)อ้อยละกันผลวิเคราะห์มวลแผ้งที่ได้ N- 0.67 P - 0.11 K - 1.50 Ca -0.15 Mg-0.12....จากตัวเลขที่เห็น อ้อยต้องการ K มากที่สุด รองลงมา คือ N และ P ต่ำสุด แคลเซี่ยม แมกนีเซียม เรื่องK นี่เคยโพสไปแล้วว่า พืชต้องการตั้งแต่เกิด เพราะมันทำหน้าที่ควบคุมของเหลวทั้งหมดของพืช 8-5-15 คงพอ ถ้ามีสั่งตัดนะ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ มันไม่มีวิชาการบอกไว้เลย มีแต่ยูเรีย แล้วก็ 15-15-15 เท่านั้น เดียวคนจบสายตรงจะหัวเราะ เอาได้
สังเกตุง่ายๆ พืชกินผล จะใช้ 15-5-20หรือ15-5-25ส่วนใหญ่ ส่วนใช่เท่าไร ต้องไปดูค่าความสามารถในการสังเคราะห์แสงประกอบ+ค่าอื่นๆ เช่นผลผลิตต่อตัน/ไร่ ได้กี่ตัน ไร่ละกี่ต้นที่น้ำหนักสดและแห้ง แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย แบบนี้จะประหยัดและตรงเป้าหมายที่สุด

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ปุ๋ยที่ใช้ มันผิดกันทั้งประเทศ ผิดกันทั้งระบบ



ทำอย่างไร เราจะทำให้เกษตรกรเปลี่ยนพฤติกรรมการใส่ปุ๋ยในถูกต้อง
เพื่อลดต้นทุนการผลิต
.
ถ้าผมมีอานาจ สิ่งแรกที่ผมจะทำคือเรียกเจ้าหน้าที่เกษตรทั้งประเทศ มาอบรมให้ความรู้ก่อน เพราะพวกนี้ไม่รู้อะไรเลย ด้านการเกษตร
.
เรียกมา สอบทุก 1-2 ปี ใครสอบไม่ผ่าน 3 ครั้งปลดออก เพราะถือว่าไม่มีความสามารถพอ ต้องมีผลงาน ในท้องถิ่นที่รับผิดชอบ นำเสนอ ปีละ 5 เรื่อง
.
ผมจะประกาศให้หยุดใช้ปุ๋ย 15-15-15---16-16-16----8-24-24 5ปีก่อนเลย เพราะมันไม่มีประโยชน์เรียกว่า สูญเสียทางเศรษฐกิจ ใสาทิ้งใส่ขว้าง
.
ทีมวิจัยมีล้นประเทศ นั่งวิจัยใข่ กันอยู่ได้
.
ผมจะสั่งแบบนี้ ถ้ากำแพงเพงเพชร
กล้วยใข่ ระยะ 3 เดือน 6 เดือน ถึงเก็บเกี่ยว
มีใบทั้งหมดกี่ใบ ทั้งปี ทั้งที่หมดสภาพแล้วอยู่จนเก็บเกี่ยว
วัดปริมาณน้ำ ต่อต้น ทุกระยะการเจริญเติบโตทุก15-30วัน
วิเคราะห์ดิน ทุกตารางนิ้วของจังหวัด ทุกหมู่บ้าน เป็นข้อมูลกลางเลย
.
ใส่ปุ๋ย ต้นละเท่าไร 1ไร่มีกี่ต้น ได้ผลผลิต/ต้นเท่าไร ต่อไร่เท่าไร
.
ผลผลิตที่ได้ เป็นเลือกเท่าไร งวงเท่าไร เนื้อเท่าไรที่น้ำหนักสด และที่น้ำหนักแห้ง
.
ทั้งหมดทั้งสิ้นคือข้อมูลที่เราจะเอามาคำนวนปุ๋ย ว่าควรใส่อะไร เท่าไหร่
.
ทุกวันนี้ลองไปถาม มันจะมีควาย บอก 15-15-15 อย่างเดียว มันผิดกันทั้งประเทศ ผิดกันทั้งระบบ ไม่ได้อวดเก่ง แต่ทุกวันนี้ ฟอสฟอรัสหรือค่าP แทบล้นแผ่นดิน
.......................
ลุงเองฝากบอก พวกเรานี่ละ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่
สูตรปุ๋ยกลางๆ ที่ควรใช้ ถ้าใครคิดไม่ออก
เอาประมาณนี้ ไม่เปะมากนัก แต่ได้ผลกว่า15-15-15 แน่นอน
15-5-20 หรือ
15-5-25+กับ
โดโลไมท์ 2กก+
โบร่อน(เฟอติบอร์3กก+
แม๊กนีเซีม สังกะสี ทองแดง
ประมาณนี้ ก็ถือว่าดีกว่า เยอะแล้ว ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเอง
แค่ปรับ
พิเอชให้ได้ 6.5 อย่างเดียว และ
น้ำพอเพียงเท่านั้นเอง
แสงในแปลงพอ.
วันนี้เราบอกให้ใครเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าตัวเราเองยังไม่คิดจะเปลี่ยน

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สมุนไพรคูน กำจัดแมลงประเภท หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม ด้วง

สมุนไพร   คูน

กำจัดแมลงประเภท

  • หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม ด้วง


การออกฤิทธิ์

  • เนื้อฝักคูนจะมีสารประเภท Antraquinones หลายตัวเช่น Aloin, Rhein Sennoside A, B และยังมี Organic acid สาร Antra quinone มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทของแมลง



วิทีใช้

  • นำฝักคูนมาบดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ก.ก. ต่อน้ำ 20 ลิตร หมักทิ้งไว้ 3 - 4 วัน นำมากรองเอาแต่น้ำ ฉีดพ่นกำจัดแมลง
คำเตือน ไม่ควรทำทีละเยอะๆ ทำแค่พอใช้ ไม่เก็บไว้นาน เสื่อม

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

คลุมดีๆ ราก+ดินมีความชื้น ยังไงพืชก็ระบายความร้อนออกได้ผ่านทางปากใบนั่นละ




50 องศา ก็น่าจะทนไหว
คลุมดีๆ ราก+ดินมีความชื้น
ยังไงพืชก็ระบายความร้อนออกได้ผ่านทางปากใบนั่นละ
.
แต่ถ้าดินไม่มีน้ำ ไม่มีความชื้น ก็ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างตาย ทั้งต้นไม้ ทั้งเจ้าของ
.
ทุกวันนี้ ขนวันละ 1 เที่ยว คลุมหน้าดิน หนาๆ ช่วยต้นไม้ เต็มที่ ก็ยังไม่มีตายนะ ถึงจะต้นอ่อนๆ
.
เพราะดินมีน้ำ ให้รากดูดขึ้นมา เพื่อระบายความร้อนผ่านทางปากใบได้อย่างพอเพียง
.
การระบายความร้อนของพืช คือการดูดน้ำจากดิน แล้วระเหย ทางปากใบ ความร้อนในต้นก็จะลดลงได้



✅หลายคนถาม ทำไมต้องก่อกองไฟในสวนตอนเช้าๆ



หลายคนถาม ทำไมต้องก่อกองไฟในสวนตอนเช้าๆ 
เพราะไพสโพสตอบคำถามไว้หลายที่
.
เช้าขึ้นมา ปุ๋ยK สั่งให้ปากใบเปิด แล้วส่งนำจากราก+สารอาหาร ขึ้นมา ทั้งท่อส่งอาหารและท่อส่งแคลเซี่ยม
พอมาถึงปากใบ ส่วนที่ระเหยออกไปคือน้ำ ส่วนที่เหลือคือแคลเซี่ยม มันอยู่ตรงนั้นละ ทั้งที่ปากใบและผลอ่อน เพื่อรอการสังเคราะห์แสง
ปากใบเปิด มันก็รับเอา คาบอนไดอ๊อกไซด์กลับเขามาด้วย มันก็เหมือนคนหายใจ มีทั้งเข้าและออก
ที่นี้กลางคืน คาบอนไดออกไซด์มันเยอะ แต่พอแดดออก มันลด ฮวบลงมา
นั่นละการก่อกองไฟควันไฟ เพื่อเพื่ม ความสามรถ และประสิทธิภาพ ในการสังเคราะห์แสงของพืช
 วันที่อากาศปิด ไม่มีแดด ก็ไม่ต้องไปสุมควันมัน เชื่อเหอะ แดดไม่มี พืชไม่คายน้ำ ปากใบมันก็ปิดหรือเปิดนิดๆ เท่านั้นเอง รดน้ำใส่ปุ๋ย พืชก็ไม่ได้กิน ช่าวงนี้ แค่ทำให้ดินชื้น รากเปียก เท่านั้นเอง
จบละ ช่างยนต์ทำเกษตร 555
.

สวนปาล์ม จึงต้องดูส่วนนี้ วัดแสง ว่าถึงไหม



ปาล์มน้ำมัน ใช้น้ำวันละ 22ลิตร/ต้น ในการสังเคราะห์แสง
ที่ความเข้มของแสง 1700-2000
จะได้อัตราสังเคราะห์สุทธิ ที่ 15-17 ซื่งเป็นอัตราสูงสุดที่ปาล์ม ทำได้
.
นั่นคือมันเหมาะที่จะปลูกที่ๆมีปริมานฝนตกชุกมากๆ
แต่พื้นที่ๆฝนตกชุกเช่น ภาคใต้ ดินก็จะมีธาตุอาหารน้อยมาก เพราะฝนชะล้างหน้าดินไปหมด
.
สวนปาล์ม จึงต้องดูส่วนนี้ วัดแสง ว่าถึงไหม
ติดตั้งเครื่องวัด แรงดึงของน้ำ อย่างน้อย 2 ตัว ที่ระดับ 15 ซม และ 45 ซม เพื่อตรวจว่า น้ำที่ให้ลงไปถึงจริงๆหรือไม่ แล้วการให้น้ำจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ เพราพถ้าค่าที่อ่านได้ ลดต่ำลงมาถึงจุดๆนึง ก็คือต้องให้น้ำเพิ่มทันที

โมเลกุล CHO นี่ คือ น้ำตาล แป้ง กรดอินทรีย์



โมเลกุล CHO นี่
คือ น้ำตาล แป้ง กรดอินทรีย์
ซึ่ง C O จะได้จากอากาศ (CO2X
H นี่จะได้จากน้ำในดิน
.
กระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง คือการสังเคราะห์แสง
สร้างสารประกอบคาบอน
.
ที่นี้ เจ้า CHO ถ้าไปรวมกับธาตุอีก 13 ชนิด นั้นคือการเจริญเติบโต ของพืช ทั้ง ลำต้น ดอก ใบ และผลนั่นเอง
.
ช้าๆครับ วันละหน่อย ค่อยๆทำความเข้าใจ

คุณรู้ไหม ปุ๋ยตัวไหน ที่ทำไห้ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ไมยราบและไม้อื่นๆ ขยับตัวได้




คุณรู้ไหม ปุ๋ยตัวไหน ที่ทำไห้ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ไมยราบและไม้อื่นๆ ขยับตัวได้
.
เราเชื่อกันมาตลอดว่า ปุ๋ยK ต้องใส่ตอนท้ายสุด มันจะได้หวาน น้ำหนักดี..ทุกวันนี้ คนก็ยังโพสกันแบบนั้น และความเชื่อก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
.
ความจริง พืชต้องการ โพรแทสเซี่ยมหรือK ตั้งแต่เกิดนั่นละ
ถ้าจะบอกว่า K ก็คือ คลอโทนเล่อร์ ของระบบทั้งหมด ของต้นไม้
.
การเคลื่อนที่ของๆเหลวในต้นไม้ทั้งหมด ควบคุม ด้วยK ทั้งนั้น
นั่นหมายรวมถึงการเคลื่อนที่ของน้ำและอาหาร ของพืช โดยใช้ความศักดิ์ ของความดัน และการคายน้ำ นั่นละ
.
K ทำไห้ใบไมยราบ ขยับได้ โดยอาสัย การควบคุมดวานดันที่แตกต่างกัน ใบไม้จึงขยับได้
.
การขนส่ง อาหาร จากราก ขึ้นที่สูง ก็อาสัยหลักการเดียวกันโดย K จะทำหน้าที่ควบคุม การเปิด-ปิด ของปากใบ ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ความร้อน แสง ความชึ้น และคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ที่มี
.
เพราะฉนั้นการให้ปุ๋ยที่มีตัว K ตั้งแต่แรกเกิด จึงมีความสำคัญ ไม่แพ้N
.
P ต่างหาก ที่ให้น้อยไม่เป็นไร เพราะค่าญP ต้นไม้มีความสารถ นำPที่มีในลำต้น มรหมุนเวียนใช้ไหม่ได้
.
ก็คร่างๆนะ เพราะจบช่างยนต์ ไม่ใช่เกษตร แต่มันประมาณนี้ละ พิมพ์กับพูด มันจะไม่ต้องวิชาการมั๊ง
.
ส่วนเรื่อง ผลไม้หวานได้ยังไง เกี่ยวกับKยังไง เดี่ยวว่างๆ หายเหนื่อย ก็จะมาโม้ไปตามเรื่องตาม ลาววววว
ตามประสานักวิชาเก้นนนนนนนนนน

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

วันนี้ ไม้เศรษฐกิจจริงๆ ที่อยู่กับความจริง



สหพัฒน์ รวยเพราะขายมาม่า ให้คนจน
อีกหลาย บริษัท ผลิตสินค้ามาเพื่อคนจนๆ ชัดเจน
คุณภาพไม่รู้ ถูกอิ่มไว่ก่อน
เบียร์ช้างไม่อร่อย ... คนจนกินจนช้างรวย
.
ผลิดสินค้า..หมายหัวไว่เลย...คอนเซปเดียว
#จะขายให้คนจนๆนี่ละกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
.
ปลูกต้นไม่ จะขายคนรวยรอ15-30ปี แค่หวังว่าคนรวยๆจะมาซื้อไม้จากคนจนๆ
.
มองซะแพงไปเลย สัก แดง มะค่า สารพัดไม้แพง
.
ลองเปี่ยนฝันกันหน่อยไหม ลองคิดกันหน่อยไหมแบบลุงคิดมาตลอด
.
บ้านเราทำเกษตร ซีพีรวยเพราะหาของมาขายคนทำเกษตร นั่นละโจทย์ ที่เราควรตั้งแบบนั้น
ลุงก็ตั้งโจทย์แบบนั้น..จะเอามือไปล้วงกระเป๋าเพื่อนเกษตรกรยังไง 5555.......เดี๋ยวมาแก้ใข..คุยต่อ แป๊บนึง
.......................
มาต่อ ไปซดยาดองมา 5555
เป้าหมายคนอื่นปลูกต้นไม้ 30ปีจะขายต้น(ได้เท่าไรยังไม่รู้)
เกษตรกรอย่างลุง เอาหญ้า ขนใบไม้ มาถมสวนหลายปีแล้ว อย่างที่รู้ๆกัน
...........................
ราชการทำเกษตร อาชึพเสริม มีคนมากมายลงมือทำเกษตร
ขุดสระ ยกร่อง ถมดิน สารพัด กระบวนการก่อนลงมือปลูกพืช
.
คอนโด บ้านจัดสรร พื้นที่นิดหน่อย ปลูกต้นไม้ ปลูกไม้กระถาง สร้างสรรค์กันสุดกำลัง บ้างก็ปลูกโชว์ แต่มันโชว์ ไม่ได้สักที
.
การลงมือปรับปรุงดินเกิดขึ้นตลอดเวลา
สารพัดขี้ ถมลงไปไม่อั้น ก็เอาเชื้อโรค เชื้อรา ลงไปด้วย จากสารพัดขี้ที่หมัก ยังไม่ได้ที่นั้นละ
.
ใบไม้ เก่าๆ ผุๆ ไม่มีโรคนะ นั่นคือความจริง
.
วันนี้ ไม้เศรษฐกิจจริงๆ ที่อยู่กับความจริง
ตอนนี้ ยอ หายากกว่าทองคำ ราคาสดที่ 14 บาท หน้าสวน
วันนี้แล้งขนาดนี้ปลูกอะไรก็ตาย น้ำท่วมก็ตายอีก
.
แต่ จามจุรี ในความคิดของลุง คือไม้เศรษฐกิจตัวจริง ขายได้ทันทีทุกส่วนจริงๆ
.
ใบ ทำปุ๋ยสุดยอดที่สุดเพราะมันคือพืชตะกลูถั่ว ไนโตรเจนสูงมาก กองไวใต้ต้นอะไรก็งาม ปุ๋ยยสด ปุ๋ยแห้ง
ฝัก มีน้ำตาล ลุงเก็บมาทำน้ำหมักประจำไม่ค่อยได้ใช้น้ำตาล
จามจุรี ในวงการเฟอนิเจอร์ ไม่ต้องบรรยาย มีเท่าไรก็หมดเพราะความสวยของลายไม้ที่เข้มมาก
เรียกว่าให้ผลตอบแทน ตั้งแต่ปรีที่ 2 กันเลย
ใบกระสอบปุ๋ยละ 30-50 บาท แล้วแต่ตลาด ในเมืองแบ่งขายโลละ 20-50 บาทยังได้ ร้านต้นไม่มาซื้อเรา ก็เอาไปแบ่งขายทั้งนั้น
.
กลุ่มลูกค้าตือบ้านและคอนโดในเมือง นั่นละ
ปีนึง สัก 2000 กระสอบนี่ ดีกว่าปลูกข้าวไหม แค่กวาดใส่กระสอบเย็บปากแล้วขาย
แค่ปลูกทิ้งๆไว้สัก 5 ไร่ ยอสัก 2-3-5ไร่ มะรุมมั่ง กระเจียบมั่ง
.
เหล่านี้ ไม่ต้องดูแลมาก จามจุรี น้ำขังไม่ตายนะ
.
วันนี้คร่าวๆ มุมมอง ที่คนจน เกษตรกรไม่ค่อยมอง แต่ลุงนี่จ้องตาเป็นมัน จนถึงเวลานี้เตรียมทุกอย่างจนพร้อมที่จะทำ
ขอแค่ฝนลงมาให้สักโครมเท่านั้น #ทำทันที

ทำไขผึ้งอย่าง่ายๆไว้ล่อผึ้ง



มีคนถาม ล่อผึ้งยังไง


สั้นๆนะ
เอารังผึ้งเก่าๆ ที่เอาน้ำหวานออกแล้ว มาต้ม ใส่น้ำพอท่วมรังผึ้ง ต้นๆๆๆๆๆ ....พอประมาณ
เอาน้ำที่ต้มมา กรอง เทใส่ถ้วย ชาม อะไรก็ได้ ทิ้งไว้ให้เย็น
.
หยิมเอาเฉพาะ ใขผึ้งที่อยู่ด้านบน นั่นละ ออกมา
ด้านล่างจะเป็นน้ำ 
.
ใขผึ้งที่ใส่ มันไม่เยอะ ก็เอามาตุ๋น ให้มันละลายอีกรอบนึง แล้วเทใส่พิมพ์
.
พอเย็นก็เอาไปทาในลังผึ้งให้ทั่วๆ จบละ
.
ที่นี้ กาก กับน้ำ อย่่างทิ้ง เอามาทำ ฟิโลโมนได้
..
อันนี้ต้องเตรียม น้ำตาลกับยิสต์ และแอลกอฮอร์หน่อยนึง
..
ว่างๆ้ดี๋ยวมาเล่า
#บอกที่เดี๋ยวเดี๋ยวหมดมุขไม่มีอะไรจะเขียน5555


วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กระตุกขา..ป่าเศรษฐกิจ

วันนี้กระแสปลูกป่า ต้นไม้มีค่าแรงมากๆ
ถึงขนาดเมล็ดอะไร ล่วงมา เก็บมาขายได้หมด
.
ลงทุนซื้อทั้งเมล็ด ทั้งต้น กันมหาศาล
พูดเอาโลกสวย ก็ว่าไม่ได้หวังอะไร ทั้งที่ ถามกันทุกวัน ไม้อะไรแพงที่สุด
.
แต่ คนซื้อ อยู่ตรงไหน อันนี้ยังไม่รู้ ต้องว่ากันอีก 15-40 ปีข้างหน้า

ดีไหมปลูกป่า ยังไงก็ดีถึงดีที่สุด สุดยอด ยอดเยี่ยม เริดสะแมนแตน
.
แต่ความหวังว่าจะขายได้ราคาในจิตนาการกับความจริง ในอนาคต นั่นอีกเรื่องนึง
แต่ยืนยันว่าดีกับประเทศแน่นอน ปลูกป่า..แต่ คนปลูกละ กว่าจะได้เงินที่อาจจะมีในอนาคต
.
ไม่มีคนรวยหรอกครับที่ทำ สวนมาก จนๆ กันทั้งนั้นละ...แบ่งที่ดินมาทำ หวังวาดฝันตามที่เขาบอกในใจลึกๆ เป็นอย่างนี้ทุกคน
1ต้น 20 ปี30ปี  จะขายได้จริงกี่บาท..ตรงนี้วันนี้ยังไม่มีใครตอบได้ ถ้าทุกบ้านมี พยุง ประดู่ แดง สัก มะค่า เหมือนกันหมด...ต้นละ 5000-1หมื่น 20 ปี  วันนั้น อาจจะเป็นปีทองของโรยเลี่อย ที่มีไม้ถูกๆขายเต็มไปหมด...ระหว่างนี้คนปลูกจะหารายได้จากไหน เลี้ยงครอบครัว ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ประกันรถ ผ่อนรถ
.
ท้ายที่สุดในความไม่พร้อมของการเริ่มต้น คือ ปักป้ายขายที่ดินที่เป็นความหวังแปลงสุดท้าย
.
อย่าบอกว่าเก็บของป่า หักกิ่งไม่มาเผาถ่านนะ ถ้าเผาถ่านแล้วรวย บ้านนอกรวยทั้งประเทศแล้ว
ก็แค่ อย่างหวังเยอะ..โลกความจริง ทุกอาชีพ ถูกกด ไว้หมด มันจะโหดร้ายกว่าในฝันเยอะ

เห็ดกระถินพิมานรักษามะเร็ง

พ่นควันไล่ผึ้ง

รักษาเก๊าท์

โกฏจุฬาลัมพาแห้ง