กราบขอบพระคุณ ที่ไว้วางใจสวนราชินี
วัดสงบมาก อยากให้ลูกชายไปบวขเลย
นั่งคุยกับพระอาจารย์..ท่านบอกว่า อยากทำให้ชาวบ้้านดู อยากให้ชาวบ้านเห็นเป็นตัวอย่าง อยากช่วยชาวบ้าน
.
ประเด็นก็คือ ชาวบ้านยังไม่ค่อยจะช่วยตัวเองนี่ละ เห็นๆอยู่ ดูแล้วก็ กัดปลาตีไก่ เล่นมวยเล่นหวยเหมือนเดิม
วังวนชีวิต ที่มอมเมาโดยรัฐบาลและกลุ่มทุน กินเหล้าขวดเดียวได้เป็นสิบคน กินเบีย คนเดียวเล่นเป็น 10ขวด เงินชาวบ้านไหล คลั๊กๆๆๆๆๆ เข้ากระเป๋านายทุน ด้วยการพยายาม ทำไห้เห็นว่าเบียร์ดีกว่าเหล้า เทห์กว่า เรียกว่าเปี่ยนค่านิยมของ สังคมได้สำเร็จ จากนั้น บริษัทเบียร์ก็ผงาด แบบไม่มีวันล้ม
.
เหมือนกับนายทุนเคมี ที่พยายามยัดเยียดเคมีเข้ามาในทุกสื่อ ทุกองค์กรภาคราชการ การเรียนรู้ โรงเรียน จนเห็นยาฆ่าหย็า เป็นยาสามัญประจำบ้าน ยัดเยียดความเชื่อที่ว่า หญ้าคือวันชพืชตัวร้ายที่ต้องกำจัด เพราะแย่งอาหาร เราเชื่อสนิท เจอตั้งฉีดยาฆ่า
.
ฆ่าหญ้า จนแผ่นดินตาย ไรสารอาหาร ทั้งที่ความจริง หญ้าคือส่วนที่ช่วยบำรุงดินได้ดีที่สุด ที่ไม่มีอะไรเทียมได้
.
วันนี้แนวทางอินทรีย์จึงถูกขัดขวาง ทุกทาง โดยระบบราชการ ที่รับเงินนายทุน
.
พยายามออกกฏระเบียบที่เราทำไม่ได้ พยายามให้มีค่าใช้จ่ายสูงๆ ในการขอสารพัด เพื่อกลุ่มอินทรีย์ จะได้ไปต่อไม่ได้ ถึงได้ก็ลำบาก..เราถูกสกัดกั้น ทุกทาง เพียงแต่เราไม่รู้สึก ทำไมเราไปขอ อะไร ค่าใช้จ่ายถึงได้แพง และยากเย็น
.
ที่เวลานายทุน นำเคมีเข้ามา ทั้งที่อันตราย ทำไม ผ่านแลุย ก็แค่จ่ายใต้โต๊ะ ท่านก็เซ็นขยายเวลา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้นายทุนแล้ว
.
เห็นใหมว่า เราถูกสกัด ด้วยคนที่ทำงานด้วยภาษีของเราแล้วไปรับใช้นายทุนเงินหนา จากนั้น ยาเหล่านั้น จึงมาขูดรีดทำร้ายพวกเรา...ซื้อ10ลัง แจกทอง 50ตัง แล้วคุณคิดว่า กำไรมันกี่ร้อยเท่า
.
วันนี้ทางรอดของพวกเรา อยู่ที่ การวางมือจากเคมี ที่ทำร้ายดินและลูกเมีย คนรอบข้างเรา มีทำดินที่ตายให้ฟื้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่
.
ท้ายที่สุดก็คงต้องฝากความหวังไว้กับเกษตรรุ่นใหม่ที่รู้จักคิดนี่ละ ว่าทางรอดของเรา คือ ฟื้นฟูธรรมชาติกลับคืนมาให้แผ่นดินให้ได้..หันมาทำเกษตรอินทรีย 100% ได้เมื่อไร นั่นละ คือทางรอดของพวกเราเอง
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น