รวยยากครับ
.
ถ้ายังไม่เปลี่ยนความคิดเสียใหม่
.
ขอยกตัวอย่างที่ไกล้ตัวที่สุด เป็นแนวคิดนะครับ
ไม่ได้มีเจตนา ว่าใคร
.
ลุงขายหน่อกล้วยหน่อละ 50 บาท ทุกคนจะบ่นว่าแพง
ชาวบ้านขาย 10 บาท15บาท
.
ขอแตกประเด็นตรงนี้
.
ถามว่า 10-15 บาท เหลืออะไร
.
ค่าสินค้า ที่เราดูแล มา 1 ปี มีมูลค่า 10บาทจริงๆหรือ
1 ปี ที่เราดูแลเลี้ยงดู 20 บาท ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
.
ค่าแรงขุด ชาวบ้านไม่เคยคิด ทั้งที่จริงมันคือการทำงาน มันต้องได้เงินค่าแรงตัวเอง
หน่อละ 5 บาท ทั้งขุด ทั้งงัด ทั้งแบกมากอง 100 หน่อ เดินวนไปมา เป็น 10กิโลในสวน
.
ค่ารถลาก ออกจากสวน มาถนน..ต้องเติมน้ำมันไหม (เชื่อเถอะไม่ได้คิด)
.
ระหว่างที่ทำงาน เอ็ม150-กาแฟ-น้ำแข็ง-ข้าวกลางวัน ซื้อทั้งนั้น(มันคือต้นทุนไง)
.
นี่แค่หน่อ ออกมาแค่ถนน รอขนขึ้นรถนะ......รวมแล้ว 10-15 บาท มันขาดทุนแล้ว
(แต่ก็คิดว่า ได้กำไร.....ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถน้ำ ตั้งปี ไม่คิดเลย)
.
แล้วเมื่อไร มันจะเหลือเก็บเล่า แค่พอได้กินไปเรื่อยๆ จนหมดกล้วยคือหมดทัน ขยายต่อก็ไม่มีเงิน
.
นี่คือจุดเริ่มต้นของความยากจน แบบสะสม..ที่คนจน ไม่รู้ตัว.....คือตัวเองทำงานแต่ไม่คิดค่าแรงให้ตัวเอง
.
จุดแตกต่างระหว่างคนจนคนรวย
.เจ้าของกิจการ ถึงต้องตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง ถ้าเป็นรูป บริษัทฯ
.
แค่เปลี่ยนความคิดจาก ของเราเอง ขายเท่าไรก็ได้
.
มาคิดไหม่
.
ต้นทุนสินค้า+ค่าแรงตัวเอง+ค่าใช้จ่าย น้ำไฟ กี่เดือนถึงจะขายผลผลิตได้+กำไร 25-30% ตรงนี้ละคือราคาขายผลผลิตทางการเกษตร อย่างแท้จริง
.
ฉนั้น พืชตัวไหน บวกลบแล้ว ขาดทุน ก็ควรจะเลิกทะได้แล้ว
ข้าวโพด อ้อย มัน นา----ขาดทุนตั้งแต่เริ่มคิดจะทำ
.
แล้วถามว่า จะให้ทำอะไร ก็มีที่นา ที่ไร่
.
ไปซื้อซาเล้ง มาเก็บของเก่า ยังกำไรดีกว่าทำนา
.
ไปเรียนซ่อมพัดลม 7 วัน หาเก่าๆ มาซ่อมขาย ยังดีกว่าทำนา
.
อาชีพเดี๋ยวนี้ิ เรียนกัน 7 วันก็ซ่อมเครื่องไฟฟ้าได้แล้ว
.
อย่ารอคนมาซ่อม ไปซื้อมาซ่อมแล้วขาย
.
รายได้ดีกว่าทำนา
.
ไม่เชื่อก็ลองดูเด่...........มาหาลุง 5 วัน ก็มีทางทำกินละ
.
มาหาลุงวันเดียวก็มีอาชีพทำกินละ
.
แค่เปลี่ยนมุมมอง และความคิด..หัดคิดค่าแรงตัวเอง...ฐานะก็เปลี่ยน
..
..
มันง่ายอย่างนั้นเชียวเรอะ...มันต้องลอง
5555
.
.
ถ้ายังไม่เปลี่ยนความคิดเสียใหม่
.
ขอยกตัวอย่างที่ไกล้ตัวที่สุด เป็นแนวคิดนะครับ
ไม่ได้มีเจตนา ว่าใคร
.
ลุงขายหน่อกล้วยหน่อละ 50 บาท ทุกคนจะบ่นว่าแพง
ชาวบ้านขาย 10 บาท15บาท
.
ขอแตกประเด็นตรงนี้
.
ถามว่า 10-15 บาท เหลืออะไร
.
ค่าสินค้า ที่เราดูแล มา 1 ปี มีมูลค่า 10บาทจริงๆหรือ
1 ปี ที่เราดูแลเลี้ยงดู 20 บาท ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
.
ค่าแรงขุด ชาวบ้านไม่เคยคิด ทั้งที่จริงมันคือการทำงาน มันต้องได้เงินค่าแรงตัวเอง
หน่อละ 5 บาท ทั้งขุด ทั้งงัด ทั้งแบกมากอง 100 หน่อ เดินวนไปมา เป็น 10กิโลในสวน
.
ค่ารถลาก ออกจากสวน มาถนน..ต้องเติมน้ำมันไหม (เชื่อเถอะไม่ได้คิด)
.
ระหว่างที่ทำงาน เอ็ม150-กาแฟ-น้ำแข็ง-ข้าวกลางวัน ซื้อทั้งนั้น(มันคือต้นทุนไง)
.
นี่แค่หน่อ ออกมาแค่ถนน รอขนขึ้นรถนะ......รวมแล้ว 10-15 บาท มันขาดทุนแล้ว
(แต่ก็คิดว่า ได้กำไร.....ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถน้ำ ตั้งปี ไม่คิดเลย)
.
แล้วเมื่อไร มันจะเหลือเก็บเล่า แค่พอได้กินไปเรื่อยๆ จนหมดกล้วยคือหมดทัน ขยายต่อก็ไม่มีเงิน
.
นี่คือจุดเริ่มต้นของความยากจน แบบสะสม..ที่คนจน ไม่รู้ตัว.....คือตัวเองทำงานแต่ไม่คิดค่าแรงให้ตัวเอง
.
จุดแตกต่างระหว่างคนจนคนรวย
.เจ้าของกิจการ ถึงต้องตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง ถ้าเป็นรูป บริษัทฯ
.
แค่เปลี่ยนความคิดจาก ของเราเอง ขายเท่าไรก็ได้
.
มาคิดไหม่
.
ต้นทุนสินค้า+ค่าแรงตัวเอง+ค่าใช้จ่าย น้ำไฟ กี่เดือนถึงจะขายผลผลิตได้+กำไร 25-30% ตรงนี้ละคือราคาขายผลผลิตทางการเกษตร อย่างแท้จริง
.
ฉนั้น พืชตัวไหน บวกลบแล้ว ขาดทุน ก็ควรจะเลิกทะได้แล้ว
ข้าวโพด อ้อย มัน นา----ขาดทุนตั้งแต่เริ่มคิดจะทำ
.
แล้วถามว่า จะให้ทำอะไร ก็มีที่นา ที่ไร่
.
ไปซื้อซาเล้ง มาเก็บของเก่า ยังกำไรดีกว่าทำนา
.
ไปเรียนซ่อมพัดลม 7 วัน หาเก่าๆ มาซ่อมขาย ยังดีกว่าทำนา
.
อาชีพเดี๋ยวนี้ิ เรียนกัน 7 วันก็ซ่อมเครื่องไฟฟ้าได้แล้ว
.
อย่ารอคนมาซ่อม ไปซื้อมาซ่อมแล้วขาย
.
รายได้ดีกว่าทำนา
.
ไม่เชื่อก็ลองดูเด่...........มาหาลุง 5 วัน ก็มีทางทำกินละ
.
มาหาลุงวันเดียวก็มีอาชีพทำกินละ
.
แค่เปลี่ยนมุมมอง และความคิด..หัดคิดค่าแรงตัวเอง...ฐานะก็เปลี่ยน
..
..
มันง่ายอย่างนั้นเชียวเรอะ...มันต้องลอง
5555
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น